บลจ. ธนชาต คลอดกองทุน"ธนชาตตราสารหนี้ 4 " อายุ 5-7 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท พร้อมชูผลตอบแทนประมาณ 3.4% ต่อปี เริ่มไอพีโอตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2551
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุน ณ ขณะนี้นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังคงได้รับผลกระทบทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นจึงมีความต้องการหาช่องทางใหม่ ๆ ที่สามารถให้ความปลอดภัยและมีความเสี่ยงที่ต่ำ อย่างเช่นกองทุนคุ้มครองเงินต้นที่มีอายุโครงการไม่มากนัก โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไปมากกว่าจะเข้าไปลงทุนหุ้นกู้ เนื่องจากการเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ยังคงมีความเสี่ยงอยู่นั่นเอง
ล่าสุดบริษัทเปิดขายขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 4 (THANACHART FIXED INCOME FUND 4 หรือ TFIX4) ในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2551 ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 5-7 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.4% ต่อปี ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน
โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนหรือภาครัฐที่มีคุณภาพ หรือมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง หรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบ แต่จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
ส่วนปัจจัยผลกระทบนั้น กองทุนนี้มีสภาพคล่องจำกัด โดยจะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ดังนั้นกองทุนจะไม่เปิดให้ซื้อขาย-ขายแบบกองทุนเปิดทั่วไปเพื่อจะลดผลกระทบจากการไถ่ถอนหน่วยลงทุนเนื่องจากความตระหนกของผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งหากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเช่นกัน
นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวจะทำการวัดผลตอบแทนจากค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ (ZRR) อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ (ZRR) อายุประมาณ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้เทียบกับพันธบัตรในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงดัชนีวัดผลการดำเนินงานดังกล่าวตามที่บริษัทจัดการเห็นเหมาะสม และเป็นเหตุจำเป็น เช่น การยกเลิกการคำนวณและเผยแพร่ดัชนีวัดผลการดำเนินงานเดิม เป็นต้น
แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุน ณ ขณะนี้นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นที่ยังคงได้รับผลกระทบทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นจึงมีความต้องการหาช่องทางใหม่ ๆ ที่สามารถให้ความปลอดภัยและมีความเสี่ยงที่ต่ำ อย่างเช่นกองทุนคุ้มครองเงินต้นที่มีอายุโครงการไม่มากนัก โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไปมากกว่าจะเข้าไปลงทุนหุ้นกู้ เนื่องจากการเข้าไปลงทุนในหุ้นกู้ยังคงมีความเสี่ยงอยู่นั่นเอง
ล่าสุดบริษัทเปิดขายขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 4 (THANACHART FIXED INCOME FUND 4 หรือ TFIX4) ในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน - 2 ธันวาคม 2551 ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 5-7 เดือน มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท โดยลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท สำหรับผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.4% ต่อปี ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน
โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารแห่งหนี้ภาคเอกชนหรือภาครัฐที่มีคุณภาพ หรือมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยหรือเงินต้นสูง หรือเงินฝากหรือตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบ แต่จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง
ส่วนปัจจัยผลกระทบนั้น กองทุนนี้มีสภาพคล่องจำกัด โดยจะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ ดังนั้นกองทุนจะไม่เปิดให้ซื้อขาย-ขายแบบกองทุนเปิดทั่วไปเพื่อจะลดผลกระทบจากการไถ่ถอนหน่วยลงทุนเนื่องจากความตระหนกของผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งหากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนเช่นกัน
นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวจะทำการวัดผลตอบแทนจากค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ (ZRR) อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ (ZRR) อายุประมาณ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้เทียบกับพันธบัตรในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงดัชนีวัดผลการดำเนินงานดังกล่าวตามที่บริษัทจัดการเห็นเหมาะสม และเป็นเหตุจำเป็น เช่น การยกเลิกการคำนวณและเผยแพร่ดัชนีวัดผลการดำเนินงานเดิม เป็นต้น
