บลจ.ธนชาต เปิดขายกองทุนตราสารหนี้เพิ่มอีก 1 โครงการ ภายใต้ชื่อ “ธนาชาตตราสารหนี้ 3” ชูผลตอบแทน 3.6% อายุโครงการ 5 – 7 เดือน เริ่มไอพีโอระหว่างวันที่ 6 – 13 ตุลาคม 2551
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 หรือ Thanachart Fixed Income Fund 3 (TFIX3) ซึ่งได้เสนอขายกองทุนครั้งแรกในระหว่างวันที่ 6 – 13 ตุลาคม 2551 โดยมีอายุโครงการประมาณ 5-7 เดือน ทั้งนี้กองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนในวันที่ 3 ตุลาคม 2551 ด้วยมูลค่าเงินทุนของโครงการ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้กองทุนยังให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.6%
ทั้งนี้กองทุนเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนให้แก่นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงซึ่งจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน หรืออาจจะเข้าไปลงทุนในตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
นอกจากนี้ผู้ที่เข้ามาลงทุนจะต้องลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท และคำนวณเป็นหน่วยลงทุนโดยใช้จำนวนเงินลงทุนหารด้วยราคาหน่วยลงทุนที่เสนอขายครั้งแรก บวกด้วยค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน เช่น ผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน 5,000 บาท โดยกองทุนเสนอขายหน่วยลงทุนที่ราคา 10 บาทต่อหน่วย และกองทุนนี้ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน ดังนั้นกรณีที่ลงทุน 5,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับหน่วยลงทุนจำนวน 500 หน่วย
ส่วนตัวชี้วัดของกองทุนนั้น จะเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ เทียบกับพันธบัตรในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทุนทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานดังกล่าวตามที่บริษัทจัดการเห็นเหมาะสม และเป็นเหตุจำเป็น เช่น การยกเลิกการคำนวณและเผยแพร่ดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานเดิม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของกองทุนอาจได้รับจากความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย หรือคืนเงินต้นได้ ซึ่งได้แก่ โอกาสที่ผู้ออกตราสารแห่งหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้เต็มตามจำนวนเงินหรือตามเวลาที่กำหนดไว้ หรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทเอง รวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยทั่วไปราคาของตราสารหนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย และตามปกติตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยิ่งยาวนายเท่าไร การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยก็จะยิ่งมีผลกระทบต่อราคาตราสารมากขึ้น
นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร ได้แก่ โอกาสที่กองทุนไม่สามารถซื้อหรือขายตราสารที่ถือครองอยู่ในราคา จำนวน และระยะเวลาที่ต้องการได้ ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนโดยคำนึงถึงสภาพคล่องในการเปลี่ยนมือของตราสารประเภทต่าง ๆ ก่อนการตัดสินใจลงทุน และติดตามการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ เพื่อกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารให้เหมาะสมกับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่กำหนดไว้ และสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของกองทุน
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดขายกองทุนเปิดธนชาตตราสารหนี้ 3 หรือ Thanachart Fixed Income Fund 3 (TFIX3) ซึ่งได้เสนอขายกองทุนครั้งแรกในระหว่างวันที่ 6 – 13 ตุลาคม 2551 โดยมีอายุโครงการประมาณ 5-7 เดือน ทั้งนี้กองทุนได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนในวันที่ 3 ตุลาคม 2551 ด้วยมูลค่าเงินทุนของโครงการ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้กองทุนยังให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.6%
ทั้งนี้กองทุนเป็นอีกทางเลือกในการลงทุนให้แก่นักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงของตราสารหนี้ได้ โดยกองทุนจะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงซึ่งจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้เอกชนที่มีคุณภาพ เช่น หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือเงินฝาก และต้องการลงทุนจนครบกำหนดอายุกองทุน หรืออาจจะเข้าไปลงทุนในตราสารที่เทียบเท่าเงินสด หรือหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดหรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
นอกจากนี้ผู้ที่เข้ามาลงทุนจะต้องลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท และคำนวณเป็นหน่วยลงทุนโดยใช้จำนวนเงินลงทุนหารด้วยราคาหน่วยลงทุนที่เสนอขายครั้งแรก บวกด้วยค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน เช่น ผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน 5,000 บาท โดยกองทุนเสนอขายหน่วยลงทุนที่ราคา 10 บาทต่อหน่วย และกองทุนนี้ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน ดังนั้นกรณีที่ลงทุน 5,000 บาท ผู้ลงทุนจะได้รับหน่วยลงทุนจำนวน 500 หน่วย
ส่วนตัวชี้วัดของกองทุนนั้น จะเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ อายุประมาณ 6 เดือน ในสัดส่วนร้อยละ 50 และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงที่ 6 เดือน บวกส่วนต่างของตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ เทียบกับพันธบัตรในสัดส่วนร้อยละ 50 ณ วันจดทะเบียนกองทุนทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม ทั้งนี้ บริษัทจัดการจะเปลี่ยนแปลงดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานดังกล่าวตามที่บริษัทจัดการเห็นเหมาะสม และเป็นเหตุจำเป็น เช่น การยกเลิกการคำนวณและเผยแพร่ดัชนีชี้วัดผลการดำเนินงานเดิม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของกองทุนอาจได้รับจากความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย หรือคืนเงินต้นได้ ซึ่งได้แก่ โอกาสที่ผู้ออกตราสารแห่งหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้เต็มตามจำนวนเงินหรือตามเวลาที่กำหนดไว้ หรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทเอง รวมถึงความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย โดยทั่วไปราคาของตราสารหนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงข้ามกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย และตามปกติตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยิ่งยาวนายเท่าไร การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยก็จะยิ่งมีผลกระทบต่อราคาตราสารมากขึ้น
นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่องของตราสาร ได้แก่ โอกาสที่กองทุนไม่สามารถซื้อหรือขายตราสารที่ถือครองอยู่ในราคา จำนวน และระยะเวลาที่ต้องการได้ ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนโดยคำนึงถึงสภาพคล่องในการเปลี่ยนมือของตราสารประเภทต่าง ๆ ก่อนการตัดสินใจลงทุน และติดตามการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ เพื่อกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารให้เหมาะสมกับผลตอบแทนและความเสี่ยงที่กำหนดไว้ และสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนของกองทุน
