บลจ.ธนชาตรับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง ดันผลการดำเนินงานย้อนหลังกองทุนตราสารหนี้ 2 โครงการ "กองทุนเปิดธนสาร- กองทุนเปิดธีรสมบัติ" เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารชี้ เป็นเพราะเข้าซื้อตราสารนี้ช่วงดอกเบี้ยยังสูงกว่าในปัจจุบัน เมื่อดอกเบี้ยลงมูลค่าจากความต้องการในตลาดจึงเพิ่มขึ้น จนดันผลดำเนินงานขยายตัว ล่าสุด จ่ายปันผลกองทุนเปิดธนสาร อัตรา 0.50บาทต่อหน่วย พร้อมเดินหน้าปรับพอร์ต T-MONEY เป็นกองทุนพันธบัตร 100%
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวถึงสาเหตุที่กองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดธนสาร กองทุนเปิดธีรสมบัติ มีผลการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกองทุนตราสารหนี้ทั้ง 2โครงการนั้นได้เข้าลงทุนในตราสารหนี้มาตั้งแต่ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าในปัจจุบันมาก ดังนั้นผลตอบแทนตราสารหนี้เหล่านี้จึงอยู่ระดับสูงตามไปด้วย และเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลดลงจากกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดลงอีก 1% เรื่องนี้ได้ส่งผลให้ตราสารหนี้ที่บริษัทลงทุนอยู่เป็นที่สนใจของผู้ลงทุนรายอื่น จนสร้างราคาที่ดีและให้ผลตอบแทนกลับคืนมาสู่กองทุนได้ในระดับสูง ซึ่งมูลค่าตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้เองเป็นส่วนช่วยขยายผลการดำเนินงานของกองทุนให้เติบโตขึ้น
"กรณีที่กองทุนมีหลักทรัพย์จากตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าตราสารหนี้ในปัจจุบัน เมื่อนำมาคำนวณมูลค่าและเปรียบเทียบกับความต้องการในตลาดรองแล้ว จะมีผลให้ราคาพาร์ต่อหน่วยตราสารหนี้นั้นสูงขึ้น และมีผลต่อผลการดำเนินงาน รวมถึงมีผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุน หรือเอ็นเอวี ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น"
สำหรับ กองทุนเปิดธนสาร (THANASARN OPEN-END FUND, TSARN) เป็นกองทุนประเภท กองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (กองทุนเปิด) ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ มีนโยบายการลงทุนของกองทุน ให้ความสำคัญกับการลงทุนในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง ในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้และ/หรือตราสารทางการเงินต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทน ที่ดีทั้งนี้ กองทุนอาจมีการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง
โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 23.58% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 27.89%ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่13.56% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่22.28% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 9.42% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.17% ขณะที่กองทุนเปิดธีรสมบัติ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุนเปิดธนสาร มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 22.14%เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่27.89% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 22.28% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่22.28% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 8.98% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.17%
ขณะเดียวกัน บลจ. ธนชาต ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดธนสาร (TSARN) ได้มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนรวม ครั้งที่ 30/2551 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2551 โดยให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของกองทุนสำหรับรอบระยะเวลา 11 เดือน สิ้นสุดวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2551 เวลา 08.30 น. ซึ่งกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 25 ธันวาคม 2551
นายวิศิษฐ์ ชื่นรัตนกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส ฝ่ายบริหารกองทุน บลจ.ธนชาต กล่าวว่า อีกไม่เกิน 4 เดือนหลังจากนี้ บริษัทจะปรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน (T-MONEY) จากเดิมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนบางส่วนเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด เนื่องจากเราต้องการแยกระดับความเสี่ยงของกองทุนให้ชัดเจน โดยนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้นหรือต้องการผลตอบแทนสูงจากหุ้นกู้เอกชน ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH) ได้ เพราะกองทุนดังกล่าวมีการลงทุนทั้งในพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชน รวมถึงตราสารทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ด้วย
"ปัจจุบัน สัดส้วนการลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน ยังมีการลงทุนในหุ้นกู้ของธนาคารพาณิชย์บางส่วน ซึ่งก็กำลังจะครบอายุในปีหน้า โดยหลังจากครบอายุแล้วเราก็จะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรแทน เพื่อให้กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรทั้ง 100%"นายวิศิษฐ์กล่าว
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด กล่าวถึงสาเหตุที่กองทุนตราสารหนี้ 2 กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดธนสาร กองทุนเปิดธีรสมบัติ มีผลการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกองทุนตราสารหนี้ทั้ง 2โครงการนั้นได้เข้าลงทุนในตราสารหนี้มาตั้งแต่ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าในปัจจุบันมาก ดังนั้นผลตอบแทนตราสารหนี้เหล่านี้จึงอยู่ระดับสูงตามไปด้วย และเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวลดลงจากกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดลงอีก 1% เรื่องนี้ได้ส่งผลให้ตราสารหนี้ที่บริษัทลงทุนอยู่เป็นที่สนใจของผู้ลงทุนรายอื่น จนสร้างราคาที่ดีและให้ผลตอบแทนกลับคืนมาสู่กองทุนได้ในระดับสูง ซึ่งมูลค่าตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้เองเป็นส่วนช่วยขยายผลการดำเนินงานของกองทุนให้เติบโตขึ้น
"กรณีที่กองทุนมีหลักทรัพย์จากตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าตราสารหนี้ในปัจจุบัน เมื่อนำมาคำนวณมูลค่าและเปรียบเทียบกับความต้องการในตลาดรองแล้ว จะมีผลให้ราคาพาร์ต่อหน่วยตราสารหนี้นั้นสูงขึ้น และมีผลต่อผลการดำเนินงาน รวมถึงมีผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุน หรือเอ็นเอวี ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น"
สำหรับ กองทุนเปิดธนสาร (THANASARN OPEN-END FUND, TSARN) เป็นกองทุนประเภท กองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (กองทุนเปิด) ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการ มีนโยบายการลงทุนของกองทุน ให้ความสำคัญกับการลงทุนในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง ในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับตราสารแห่งหนี้และ/หรือตราสารทางการเงินต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความมั่นคงและให้ผลตอบแทน ที่ดีทั้งนี้ กองทุนอาจมีการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารที่เสนอขายในต่างประเทศ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด โดยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้ง
โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 23.58% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 27.89%ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่13.56% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่22.28% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 9.42% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.17% ขณะที่กองทุนเปิดธีรสมบัติ ซึ่งมีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุนเปิดธนสาร มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 22.14%เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่27.89% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 22.28% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่22.28% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 8.98% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 11.17%
ขณะเดียวกัน บลจ. ธนชาต ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดธนสาร (TSARN) ได้มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายผลตอบแทนกองทุนรวม ครั้งที่ 30/2551 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2551 โดยให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลของกองทุนสำหรับรอบระยะเวลา 11 เดือน สิ้นสุดวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ในอัตราหน่วยละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2551 เวลา 08.30 น. ซึ่งกำหนดให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 25 ธันวาคม 2551
นายวิศิษฐ์ ชื่นรัตนกุล ผู้จัดการกองทุนอาวุโส ฝ่ายบริหารกองทุน บลจ.ธนชาต กล่าวว่า อีกไม่เกิน 4 เดือนหลังจากนี้ บริษัทจะปรับกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน (T-MONEY) จากเดิมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนบางส่วนเป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด เนื่องจากเราต้องการแยกระดับความเสี่ยงของกองทุนให้ชัดเจน โดยนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้นหรือต้องการผลตอบแทนสูงจากหุ้นกู้เอกชน ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH) ได้ เพราะกองทุนดังกล่าวมีการลงทุนทั้งในพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้เอกชน รวมถึงตราสารทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ด้วย
"ปัจจุบัน สัดส้วนการลงทุนของกองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน ยังมีการลงทุนในหุ้นกู้ของธนาคารพาณิชย์บางส่วน ซึ่งก็กำลังจะครบอายุในปีหน้า โดยหลังจากครบอายุแล้วเราก็จะนำเงินไปลงทุนในพันธบัตรแทน เพื่อให้กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรทั้ง 100%"นายวิศิษฐ์กล่าว