ThaiBMA คาดปีหน้าตลาดหุ้นกู้เอกชนกร่อย มูลค่าลงทุนรวมหดกว่า 4 หมื่นล้านบาท เหตุนักลงทุนเน้นลงทุนแต่บริษัทที่มีเครดิตสูงๆ เท่านั้น ทำบริษัทขนาดเล็กได้รับความสนใจน้อยลง แต่เชื่อบริษัทขนาดใหญ่หันระดมทุนในประเทศมากขึ้น หลังตลาดต่างประเทศเจอวิกฤตเศรษฐกิจ พร้อมคาดกนง.ลดดอกเบี้ยรอบหน้าอีก 0.5-1% จาก 3.75% ในปัจจุบัน
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) เปิดเผยว่า แนวโน้มการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนในปี 2552 น่าจะลดลงจากปีนี้กว่า 20-30% โดยมีมูลค่าประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าการออกหุ้นกู้เอกชนในสิ้นปี 2551 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่ง ณ เดือน ต.ค. ที่ผ่านมามีการออกและเสนอขายไปแล้ว 1.9 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จะพบว่ามีบริษัทเอกชนแสดงความสนใจจะออกหุ้นกู้ในปริมาณที่สูง แต่เป็นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันผู้ที่จะสามารถระดมทุนได้จะต้องเป็นที่ต้องการของตลาดมีอันดับเครดิตที่ดีระดับ A ขึ้นไป ถึงจะสามารถเสนอขายได้ หากต่ำกว่านี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจขายไม่หมด
ทั้งนี้ คาดว่าในปีหน้าคงยังมีบริษัทที่อยากจะระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้จำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ ๆ ที่เคยระดมทุนจากตลาดต่างประเทศ เมื่อตลาดต่างประเทศปิดต้องหันกลับมาระดมเงินในประเทศแทน ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์พบว่าอัตราสินเชื่อต่อเงินฝากได้สูงขึ้นถึงระดับ 102% ซึ่งเทียบกับก่อนเกิดวิกฤตปี 40 อยู่ที่ 120% และช่วงหลังวิกฤตปี 40 อยู่ที่ 70-80%
“บริษัทที่อยากระดมทุนมีเยอะมาก แต่ผู้ที่จะมาลงทุนพวกกองทุน กันประกันสังคม ค่อนข้างระมัดระวังในการลงทุน แม้แต่ธนาคารพาณิชย์ก็ระวังในการปล่อยกู้ ดังนั้นสถานการณ์ขณะนี้ต้องเป็นบริษัทที่มีเรทติ้งดีจึงจะสามารถกู้เงินหรือออกหุ้นกู้ได้ จึงเป็นที่มาทำให้มูลค่าการออกหุ้นกู้ปีหน้าจะลดลง 20-30%”
นายณัฐพล กล่าวว่า หากหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนหลังจากนี้ หากเป็นบริษัทที่มีเรทติ้งไม่ดีจำเป็นจะต้องเสนออัตราดอกเบี้ยสูง ๆ เพื่อให้นักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งจะสวนทางกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย อาร์พี 1 วันของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะลดลง ได้อีก 0.5-1% จาก 3.75% ในปัจจุบันนี้
สำหรับมูลค่าการออกพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในปี 2552 คาดว่าจะลดลงเหลือ 1 ล้านล้านบาท เพื่อดูแลสภาพคล่องและไม่มีความจำเป็นต้องออกมาเหมือนกับปีนี้ ที่มีมูลค่าคงค้าง 1.49 ล้านล้านบาท และสูงสุดในเดือนก.ค.มูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากสภาพคล่องในระบบมีปัญหา ทางธปท. สามารถจะลดการออกพันธบัตรอายุ 7 วันและ 14 วันได้อีก
อนึ่ง นายณัฐพล ได้คาดการณ์ไว้ว่า ตราสารหนี้ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในปัจจุบันจะมีอายุไม่ยาวมากนักคือ 3 ปีแต่ไม่เกิน 5 ปี ซึ่งแนวโน้มเชื่อว่านักลงทุนคงจะให้ความสนใจตราสารหนี้ที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาลงหลังจากนี้ ทำให้ตราสารที่อยู่มีราคาสูงมากขึ้นจากการคาดการณ์ดังกล่าว
“พันธบัตรรัฐบาลมันจะสวนทางกับหุ้นกู้คือ ยิลด์มันจะลดลง แต่ราคามันจะสูงขึ้นหากดอกเบี้ยมันลด ซึ่งหุ้นกู้เอกชนปัจจุบันราคามันถูก แต่ต้องให้ยิลด์ที่สูงกว่าปกติมากถึงจะมีคนสนใจ”นายณัฐพลกล่าว
นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย(ThaiBMA) เปิดเผยว่า แนวโน้มการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนในปี 2552 น่าจะลดลงจากปีนี้กว่า 20-30% โดยมีมูลค่าประมาณ 1.6 แสนล้านบาท ขณะที่มูลค่าการออกหุ้นกู้เอกชนในสิ้นปี 2551 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่ง ณ เดือน ต.ค. ที่ผ่านมามีการออกและเสนอขายไปแล้ว 1.9 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จะพบว่ามีบริษัทเอกชนแสดงความสนใจจะออกหุ้นกู้ในปริมาณที่สูง แต่เป็นเพราะสถานการณ์ปัจจุบันผู้ที่จะสามารถระดมทุนได้จะต้องเป็นที่ต้องการของตลาดมีอันดับเครดิตที่ดีระดับ A ขึ้นไป ถึงจะสามารถเสนอขายได้ หากต่ำกว่านี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจขายไม่หมด
ทั้งนี้ คาดว่าในปีหน้าคงยังมีบริษัทที่อยากจะระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้จำนวนมาก โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ ๆ ที่เคยระดมทุนจากตลาดต่างประเทศ เมื่อตลาดต่างประเทศปิดต้องหันกลับมาระดมเงินในประเทศแทน ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์พบว่าอัตราสินเชื่อต่อเงินฝากได้สูงขึ้นถึงระดับ 102% ซึ่งเทียบกับก่อนเกิดวิกฤตปี 40 อยู่ที่ 120% และช่วงหลังวิกฤตปี 40 อยู่ที่ 70-80%
“บริษัทที่อยากระดมทุนมีเยอะมาก แต่ผู้ที่จะมาลงทุนพวกกองทุน กันประกันสังคม ค่อนข้างระมัดระวังในการลงทุน แม้แต่ธนาคารพาณิชย์ก็ระวังในการปล่อยกู้ ดังนั้นสถานการณ์ขณะนี้ต้องเป็นบริษัทที่มีเรทติ้งดีจึงจะสามารถกู้เงินหรือออกหุ้นกู้ได้ จึงเป็นที่มาทำให้มูลค่าการออกหุ้นกู้ปีหน้าจะลดลง 20-30%”
นายณัฐพล กล่าวว่า หากหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนหลังจากนี้ หากเป็นบริษัทที่มีเรทติ้งไม่ดีจำเป็นจะต้องเสนออัตราดอกเบี้ยสูง ๆ เพื่อให้นักลงทุนให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งจะสวนทางกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย อาร์พี 1 วันของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะลดลง ได้อีก 0.5-1% จาก 3.75% ในปัจจุบันนี้
สำหรับมูลค่าการออกพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในปี 2552 คาดว่าจะลดลงเหลือ 1 ล้านล้านบาท เพื่อดูแลสภาพคล่องและไม่มีความจำเป็นต้องออกมาเหมือนกับปีนี้ ที่มีมูลค่าคงค้าง 1.49 ล้านล้านบาท และสูงสุดในเดือนก.ค.มูลค่า 1.5 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากสภาพคล่องในระบบมีปัญหา ทางธปท. สามารถจะลดการออกพันธบัตรอายุ 7 วันและ 14 วันได้อีก
อนึ่ง นายณัฐพล ได้คาดการณ์ไว้ว่า ตราสารหนี้ที่นักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจในปัจจุบันจะมีอายุไม่ยาวมากนักคือ 3 ปีแต่ไม่เกิน 5 ปี ซึ่งแนวโน้มเชื่อว่านักลงทุนคงจะให้ความสนใจตราสารหนี้ที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาลงหลังจากนี้ ทำให้ตราสารที่อยู่มีราคาสูงมากขึ้นจากการคาดการณ์ดังกล่าว
“พันธบัตรรัฐบาลมันจะสวนทางกับหุ้นกู้คือ ยิลด์มันจะลดลง แต่ราคามันจะสูงขึ้นหากดอกเบี้ยมันลด ซึ่งหุ้นกู้เอกชนปัจจุบันราคามันถูก แต่ต้องให้ยิลด์ที่สูงกว่าปกติมากถึงจะมีคนสนใจ”นายณัฐพลกล่าว