บลจ.ไอเอ็นจี เผยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน "กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์ A / B / C" อยู่ในระดับดี เม็ดเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตามกระแสความนิยมตราสารหนี้ระยะสั้นซึ่งเป็นช่องทางลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี ประเทศไทย จำกัด ได้รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย3 เดือน โรลโอเวอร์ A / B และC ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมาพบว่า กองทุนทั้ง 3 โครงการมีผลการดำเนินงานเป็นบวก อยู่ในระดับที่ดี โดย กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์ A มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 406.32 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.21% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 16.21% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน 3.02% จากเกณฑ์มาตราฐาน 8.18% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 2.92% จากเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 6.27%
ส่วน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์ B มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 251.55 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.17% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 16.21% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือน 2.39% จากเกณฑ์มาตราฐาน 8.18% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 2.87% จากเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 6.27%
ด้านกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์C มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 153.02% ล้านบาท มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง3 เดือน 3.18% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 16.21% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.98% จากเกณฑ์มาตราฐาน 8.18% โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 2.91% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 6.27%
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์ A / B และC เป็นกองทุนประเภท กองทุนรวมตราสารหนี้ ประเภทขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเป็นรอบๆทุกๆ 3 เดือนมีนโยบายที่เน้นลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ที่ออก รับรอง อาวัล สลักหลัง หรือคํ้าประกันโดยธนาคารพาณิชย์ หรือตราสารหนี้ภาครัฐที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับรอบการลงทุนของกองทุนโดยกองทุนจะเน้นลงทุนแบบ ซื้อแล้วถือจนครบกำหนด
สำหรับสัดส่วนการลงทุนแบ่งตามประเภทตราสาร ดังนี้ 1. พันธบัตรรัฐบาลคํ้าประกัน คิดเป็น 9.43% 2. พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 0.00% 3. เงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ของหรือรับรอง รับอาวัลโดยสถาบันการเงิน 43.02% หุ้นกู้ออกโดยสถาบันการเงิน 47.80% หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน 0.00% 6. สินทรัพย์อื่น -0.25% โดยอันดับ 1.TMB 24.00% อันดับ2.SCBT 23.80% อันดับ3. KK 22.64% อันดับ4. TISCO 20.37%และอันดับ 5.Treasury 9.43%
ก่อนหน้านี้ นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง โดยทางบริษัทจะออกขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ขณะเดียวกัน กองทุน โรลโอเวอร์ ก็จะเปิดขายอย่างต่อเนื่องเมื่อครบกำหนด 3เดือน ซึ่งจะแตกต่างจากกองทุนระยะสั้น 3เดือน เพราะเมื่อครบกำหนด กองทุนดังกล่าวก็จะปิดโครงการทันที
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี ประเทศไทย จำกัด ได้รายงานผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย3 เดือน โรลโอเวอร์ A / B และC ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมาพบว่า กองทุนทั้ง 3 โครงการมีผลการดำเนินงานเป็นบวก อยู่ในระดับที่ดี โดย กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์ A มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 406.32 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.21% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 16.21% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน 3.02% จากเกณฑ์มาตราฐาน 8.18% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 2.92% จากเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 6.27%
ส่วน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์ B มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 251.55 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 3.17% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 16.21% ส่วนย้อนหลัง 6 เดือน 2.39% จากเกณฑ์มาตราฐาน 8.18% ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 2.87% จากเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 6.27%
ด้านกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์C มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 153.02% ล้านบาท มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง3 เดือน 3.18% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 16.21% ขณะที่ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.98% จากเกณฑ์มาตราฐาน 8.18% โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี 2.91% เทียบกับเกณฑ์มาตราฐาน 6.27%
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรลโอเวอร์ A / B และC เป็นกองทุนประเภท กองทุนรวมตราสารหนี้ ประเภทขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเป็นรอบๆทุกๆ 3 เดือนมีนโยบายที่เน้นลงทุนในเงินฝากธนาคาร ตราสารหนี้ที่ออก รับรอง อาวัล สลักหลัง หรือคํ้าประกันโดยธนาคารพาณิชย์ หรือตราสารหนี้ภาครัฐที่มีอายุประมาณ 3 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับรอบการลงทุนของกองทุนโดยกองทุนจะเน้นลงทุนแบบ ซื้อแล้วถือจนครบกำหนด
สำหรับสัดส่วนการลงทุนแบ่งตามประเภทตราสาร ดังนี้ 1. พันธบัตรรัฐบาลคํ้าประกัน คิดเป็น 9.43% 2. พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 0.00% 3. เงินฝาก บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ของหรือรับรอง รับอาวัลโดยสถาบันการเงิน 43.02% หุ้นกู้ออกโดยสถาบันการเงิน 47.80% หุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน หรือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน 0.00% 6. สินทรัพย์อื่น -0.25% โดยอันดับ 1.TMB 24.00% อันดับ2.SCBT 23.80% อันดับ3. KK 22.64% อันดับ4. TISCO 20.37%และอันดับ 5.Treasury 9.43%
ก่อนหน้านี้ นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด กองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนยังให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง โดยทางบริษัทจะออกขายกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน ขณะเดียวกัน กองทุน โรลโอเวอร์ ก็จะเปิดขายอย่างต่อเนื่องเมื่อครบกำหนด 3เดือน ซึ่งจะแตกต่างจากกองทุนระยะสั้น 3เดือน เพราะเมื่อครบกำหนด กองทุนดังกล่าวก็จะปิดโครงการทันที