ก.ล.ต.แกะรอยใบหุ้นเก๊ SECC เทรดผ่าน 2 โบรกเกอร์ พร้อมยืนยัน ส่งเจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบทรัพย์สิน พบว่า รถยนต์สูญหายเกือบ 500 คัน มูลค่าแตะ 1.4 พันล้าน
วันนี้ (08 ธันวาคม 2551) นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า กรณีใบหุ้นปลอมของบริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ พบว่า มีการซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่ง ตามที่ปรากฏในข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ อีกทั้งยืนยันว่า เท่าที่มีการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ยังไม่มีบริษัทหลักทรัพย์ใดซื้อหุ้นดังกล่าวเข้าพอร์ตของบริษัท
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ก.ล.ต.ก็จะมีการตรวจสอบและติดตามกรณีดังกล่าวอย่างใกล้ชิดว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์ใดประสบปัญหาใบหุ้นปลอมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมีความเสียหายเกิดขึ้นบริษัทหลักทรัพย์ไม่ต้องรับผิดชอบถึงกรณีความเสียหายดังกล่าว แต่จะต้องไปติดตามเอาผิดกับผู้ที่ออกใบหุ้นปลอม
ส่วนกรณีที่บริษัทย่อยปล่อยกู้ 245 ล้านบาท และกรณีผู้บริหารทุจริต หากพบว่ามีความผิด ก.ล.ต.ก็จะดำเนินการกล่าวโทษทันที
ล่าสุด คณะทำงานเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน SECC ได้เตรียมประเมินตัวเลขความเสียหาย ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ ได้หลบหนีออกนอกประเทศ คณะทำงานได้แต่งตั้งให้พนักงานของบริษัท ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละฝ่ายเป็นผู้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินในเบื้องต้นแล้ว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รายงานว่า มีรถยนต์จำนวน 476 คัน ได้สูญหายไปจากคลังสินค้า และมีจำนวนอีก 5 คัน ที่ถูกเจ้าหนี้ส่วนตัวของนายสมพงษ์ ยึดเอาไปจากโชว์รูมของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงลึก ว่า รถยนต์จำนวนดังกล่าว ได้หายไปจากคลังสินค้าได้อย่างไร และดำเนินการติดตามเอารถยนต์ที่หายไปกลับคืนมาต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหาย ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่าถึง 1,358,372,103.14 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60 ของสินทรัพย์รวม (สินทรัพย์รวม ณ กันยายน 2551 มูลค่ารวม 2,252,333,000 บาท)
ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเงินสดและทรัพย์สินอื่นๆ ของบริษัท อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งจะมีการรายงานให้ทราบต่อไป และจะรายงานความคืบหน้าของการตรวจสอบดังกล่าวต่อไปด้วย