บสท. เล็งจัดงานขายทรัพย์รอบ 2 ปลายเดือนพ.ย.นี้ หลังขายที่ดินเกษตรดีเกินคาด ระบุอยู่ระหว่างคัดเลือกทรัพย์แปลงใหญ่ออกขายเศรษฐี ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต หวังปั๊มยอดขายให้ได้ตามเป้า 10,500 ล้านบาท
นายเชาวรัตน์ เชาวน์ชวานิล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารทรัพย์สิน บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกทรัพย์สินรอการขายขนาดใหญ่ เพื่อนำมาเสนอขายด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายคล้ายกับการจัดเสวนา "ทิศทางการลงทุนกับที่ดินเพื่อการเกษตร” ในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทรัพย์ที่นำมาเสนอขายในครั้งนี้จะไม่เคยเสนอขายมาก่อน โดยเน้นกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บสท.มีสินทรัพย์รอการขายในมือจำนวน 78,000 ล้านบาท หรือประมาณ 5,700 รายการ และจะเข้ามาอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท ทำให้มีสินทรัพย์รอการขายให้นักลงทุนที่สนใจสามารถเลือกซื้อได้จำนวนมาก อีกทั้งยังไม่ต้องเสียภาษีใดๆทั้งสิ้น
“ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ ต้องเร่งการขายเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้ยอดขายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ 10,500 ล้านบาท ซึ่งตัวเลข 9 เดือนขายไปแล้ว 8,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นงานหนักมาก เพราะทีมงานมีเพียง 30 กว่าคนเท่านั้น แถมภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีอาจทำให้ขายได้ยากกว่าปกติ ” นายเชาวรัตน์กล่าว
นอกจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแล้ว บสท.ยังมีสินทรัพย์แปลงใหญ่ๆ อีกหลายแปลงที่อยู่ระหว่างเจรจาขายให้แก่นักลงทุน เช่น ที่ดินบริเวณถนนพหลโยธินตรงข้ามแดนเนรมิตเก่านั้น เดิมมีกระแสข่าวว่าอยู่ระหว่างเจรจาซื้อขาย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถนำออกมาขายได้ เพราะลูกหนี้รายเดิมร้องคัดค้าน และศาลรับค้าน ทำให้ต้องยืดเวลาออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาขายได้ประมาณกลางปีหน้า
สำหรับที่ดินของบริษัท ไทยเมล่อน จำกัด เนื้อที่ 616 ไร่ บริเวณ รังสิต ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินหลายแห่ง ทำให้การนำออกมาเสนอขายทำได้ยาก แต่ปัจจุบัน เจ้าหนี้ทุกรายได้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)เพื่อพิจารณาเห็นชอบในการนำออกเสนอขายในราคาที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอขายได้ในเร็วๆนี้
กรณีที่ในปัจจุบันลูกค้ารายย่อยถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพิ่มมากขึ้น จนอาจส่งผลกระทบต่อการขายสินทรัพย์แปลงย่อยของบสท.นั้น นายเชาวรัตน์ กล่าวว่า ตามปกติสถาบันการเงินจะพิจารณาให้สินเชื่อแก่ลูกค้าของบสท.ประมาณ 70-80% ส่วนที่เหลือลูกค้าต้องมีเงินมาจ่ายเพิ่ม ในกรณีที่ลูกค้าขอสินเชื่อไม่ผ่าน บสท.จะช่วยลูกค้าด้วยการแนะนำลูกค้าให้บริการจากสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าของทรัพย์ ซึ่งจะปล่อยสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน บสท.มีทรัพย์สินรอการขายมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของจำนวนรายการทรัพย์ฯทั้งหมด
นายเชาวรัตน์ เชาวน์ชวานิล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารทรัพย์สิน บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างคัดเลือกทรัพย์สินรอการขายขนาดใหญ่ เพื่อนำมาเสนอขายด้วยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายคล้ายกับการจัดเสวนา "ทิศทางการลงทุนกับที่ดินเพื่อการเกษตร” ในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งทรัพย์ที่นำมาเสนอขายในครั้งนี้จะไม่เคยเสนอขายมาก่อน โดยเน้นกลุ่มนักลงทุนที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บสท.มีสินทรัพย์รอการขายในมือจำนวน 78,000 ล้านบาท หรือประมาณ 5,700 รายการ และจะเข้ามาอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท ทำให้มีสินทรัพย์รอการขายให้นักลงทุนที่สนใจสามารถเลือกซื้อได้จำนวนมาก อีกทั้งยังไม่ต้องเสียภาษีใดๆทั้งสิ้น
“ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ ต้องเร่งการขายเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ได้ยอดขายตามเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ 10,500 ล้านบาท ซึ่งตัวเลข 9 เดือนขายไปแล้ว 8,000 ล้านบาท ถือว่าเป็นงานหนักมาก เพราะทีมงานมีเพียง 30 กว่าคนเท่านั้น แถมภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีอาจทำให้ขายได้ยากกว่าปกติ ” นายเชาวรัตน์กล่าว
นอกจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแล้ว บสท.ยังมีสินทรัพย์แปลงใหญ่ๆ อีกหลายแปลงที่อยู่ระหว่างเจรจาขายให้แก่นักลงทุน เช่น ที่ดินบริเวณถนนพหลโยธินตรงข้ามแดนเนรมิตเก่านั้น เดิมมีกระแสข่าวว่าอยู่ระหว่างเจรจาซื้อขาย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถนำออกมาขายได้ เพราะลูกหนี้รายเดิมร้องคัดค้าน และศาลรับค้าน ทำให้ต้องยืดเวลาออกไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาขายได้ประมาณกลางปีหน้า
สำหรับที่ดินของบริษัท ไทยเมล่อน จำกัด เนื้อที่ 616 ไร่ บริเวณ รังสิต ที่ดินแปลงดังกล่าวมีเจ้าหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินหลายแห่ง ทำให้การนำออกมาเสนอขายทำได้ยาก แต่ปัจจุบัน เจ้าหนี้ทุกรายได้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นตอนของการนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด)เพื่อพิจารณาเห็นชอบในการนำออกเสนอขายในราคาที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอขายได้ในเร็วๆนี้
กรณีที่ในปัจจุบันลูกค้ารายย่อยถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงินเพิ่มมากขึ้น จนอาจส่งผลกระทบต่อการขายสินทรัพย์แปลงย่อยของบสท.นั้น นายเชาวรัตน์ กล่าวว่า ตามปกติสถาบันการเงินจะพิจารณาให้สินเชื่อแก่ลูกค้าของบสท.ประมาณ 70-80% ส่วนที่เหลือลูกค้าต้องมีเงินมาจ่ายเพิ่ม ในกรณีที่ลูกค้าขอสินเชื่อไม่ผ่าน บสท.จะช่วยลูกค้าด้วยการแนะนำลูกค้าให้บริการจากสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าของทรัพย์ ซึ่งจะปล่อยสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน บสท.มีทรัพย์สินรอการขายมูลค่าไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดเป็น 60% ของจำนวนรายการทรัพย์ฯทั้งหมด