ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.เมืองย่าโมรวบ “สาวบัญชี” ตัวแสบยักยอกเงิน รพ.ค่ายสุรนารี 1.6 ล้าน โชคดีหัวหน้านายทหารฝ่ายการเงินตรวจสอบพบพิรุธ แจ้ง ตร.เข้าตรวจสอบก่อนรวบตัว สอบเค้นได้เงินของกลางคืนแค่ 1.4 แสน ด้านสาวบัญชีสารภาพใช้รูปตัดแปะบัตร ปชช.คนอื่นเปิดบัญชีธนาคารก่อนขโมยเช็คแล้วปลอมลายเซ็นผู้บริหาร รพ.เบิกเงินโอนเข้าบัญชีที่เปิดไว้
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ผดุงเกียรติ ศิริพรวิวัฒน์ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อม พ.ต.ท.ภูมิ ทองโพธิ์ สารวัตรสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ได้เข้าสอบปากคำ น.ส.หนูเอื้อม หรือ อี๊ด ดิษฐ์เจริญ อาย 23 ปี พนักงานการเงินและบัญชี โรงพยาบาลค่ายสุรนารี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 9 ต.ดงสิงห์ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งจับกุมได้พร้อมของกลาง เงินสด 149,900 บาท, บัตรเอทีเอ็ม ของธนาคารกรุงไทย 1 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) พ.ท.เกษม สุขประเสริฐ หัวหน้านายทหารการเงิน โรงพยาบาลค่ายสุรนารี ได้ตรวจพบว่า มีเงินถูกเบิกออกจากบัญชี ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 301-1-87320-8 ชื่อบัญชี โรงพยาบาลค่ายสุรนารี-บช.รายรับตาม กม.ประกันสังคม จำนวน 1.6 ล้านบาท จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมาให้เข้าตรวจสอบและจับกุมตัวคนร้าย
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า บัญชีดังกล่าวมีเงินถูกเบิกออกไปโดยการโอนเงินไปเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ 374-0-37341-5 ชื่อ บัญชี น.ส.สุภาริณี โพธิ์นอก อายุ 23 ปี เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมาจำนวน 1.6 ล้านบาท และ ถูกถอนออกไปจนหมด เหลือเงินในบัญชีเพียง 90 บาท ในวันที่ 26 ก.พ. 2554
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงติดตามตัว น.ส.หนูเอื้อม พนักงานการเงินและบัญชี ของโรงพยาบาลค่ายสุรนารี มาสอบถาม น.ส.หนูเอื้อม รับว่า ตนได้ขโมยเอาเช็คธนาคารกรุงไทย ของทางโรงพยาบาล จากห้อง พ.ท.เกษม แล้วนำไปปลอมลายมือชื่อของ พล.ต.ธีรยุทธ ศศิประภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี และ พ.ท.เกษม ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการลงนาม แล้วนำไปเบิกเงินโดยโอนเงินเข้าไปยังบัญชีของ น.ส.สุภาริณี ซึ่ง น.ส.หนูเอื้อม อ้างว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ได้เก็บบัตรประจำตัวประชาชนของ น.ส. สุภาริณี ได้จึงนำภาพถ่ายของตนไปตัดแปะแทนภาพใบหน้าในบัตรจริง แล้วนำไปเปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย เมื่อวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 500 บาทและทำบัตรเอทีเอ็ม
จากนั้นได้โอนเงิน 1.6 ล้านบาท เข้าบัญชีดังกล่าวก่อนถอนเงินด้วยบัตรเอทีเอ็มออกไปจนหมด ส่วนเงินที่ได้ไปนั้น น.ส.หนูเอื้อม อ้างว่า ได้ใช้จ่ายไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือติดรถยนต์ของตัวเองหมายเลขทะเบียน กน 3356 นครราชสีมา ไว้แค่ 149,900 บาทเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นขอให้การในชั้นศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อขยายผลเพิ่มเติม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน น.ส.สุภาริณี โพธิ์นอก พนักงานขายรองเท้าร้านเอเดย์ ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ผู้เสียหายที่ถูกปลอมแปลงบัตรประชาชน กล่าวว่า เคยพบกับ น.ส.หนูเอื้อม 2 ครั้ง ตอนมาซื้อรองเท้าที่ร้ายซึ่งแต่งชุดทหารสีเขียวมา และพูดจาดี เมื่อรู้ว่าตนมีแฟนเป็นทหาร จึงบอกว่าทางกองทัพมีสวัสดิการให้กับครอบครัวทหารคนละ 1,000 บาท โดยให้ตนเอาบัตรประชาชนมาให้ เพื่อจะได้นำไปกรอกรายละเอียดและจะนำมาส่งคืนให้ภายหลัง
แต่หลังจากหายไป 2 วัน น.ส.หนูเอื้อม ก็ไม่นำบัตรประชาชน มาคืน เมื่อโทรศัพท์สอบถามไปก็รับสายบ้างไม่รับสายบ้างพยายามพูดบ่ายเบี่ยง กระทั่งวันนี้มาทราบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า น.ส.หนูเอื้อม ได้นำบัตรประชาชนของตนไปปลอมแปลงแล้วเปิดบัญชีกับทางธนาคาร และยักยอกเงินของทางโรงพยาบาลค่ายสุรนารีไปดังกล่าว