อีสท์วอเตอร์ฟุ้งครึ่งปีหลังผลประกอบการดีกว่า 6เดือนแรกแน่ หลังยอดขายน้ำดิบมีสัญญาณดีขึ้นจากการฟื้นตัวของภาครอุตสาหกรรมถยนต์และปิโตรเคมี โดยปรับเป้ายอดขายน้ำดิบลดลงแค่ 2-3% ทำให้มั่นใจกำไรปีนี้โต 15% และจ่ายเงินปันผลสูงกว่า10 สต.ที่จ่ายกลางปี
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW เปิดเผยว่า ความต้องการใช้น้ำดิบในช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ขยายเพิ่มขึ้น4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า ในครึ่งปีหลังปริมาณการขายน้ำดิบให้กับลูกค้าจะดีกว่า ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง5% จากปีก่อนหรือมียอดขายที่ระดับ 215 ล้านลูกบากศ์เมตร
โดยยอดขายน้ำดิบจะลดลงแค่ 2-3%จากปีก่อน ขณะที่รายได้จะเติบโตขึ้น 15% เนื่องจากบริษัทได้มีการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงและมีรายได้เพิ่มจากการปรับขึ้นค่าน้ำดิบในช่วงต้นปี 2552 ซึ่งทำให้มีกำไรปีนี้จะโต 15%จากปี2551
"บริษัทฯได้คาดการณ์ขายน้ำดิบปีนี้อยู่ที่ 215 ล้านลบ.ม.ลดลงจากปีก่อนที่ 224 ล้านลบ.ม.หรือลดลง 4-5% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์และปิโตรเคมี แต่ล่าสุดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา การใช้น้ำดิบเริ่มดีขึ้น ดังนั้นคาดว่าการขายน้ำดิบจะดีขึ้นกว่าเป้าหมาย ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังนี้จะดีกว่า 6เดือนแรก ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายปันผลงวดสิ้นปี 2552 ก็จะสูงกว่า10สต./หุ้น ที่จ่ายปันผลระหว่างกาลไป"
ส่วนปีหน้า บริษัทฯได้มีการตั้งเป้ายอดขายน้ำดิบไว้ที่ 233ล้านลบ.ม. เนื่องจากมีลูกค้าใหม่เข้ามาทั้งโรงงานปิโตรเคมีในเครือปตท.และปูนซิเมนต์ไทย อีกทั้งยังมีโรงงานกรองน้ำของการประปาเพิ่มขึ้นด้วย ขณะ ที่ปริมาณน้ำดิบสำรองทั้งในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และดอกกรายพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ที่ปริมาณ 166 ล้านลบ.ม. ซึ่งต่ำกว่าปี 2550
ส่วนปริมาณน้ำสำรองในอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี อยู่ที่ 40 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 36%ของความจุ ซึ่งเป็นปริมาณที่ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยืนยันว่าปริมาณน้ำสำรองดังกล่าวเพียงพอป้อนให้กับลูกค้า โดยไม่มีปัญ หาน้ำขาดเหมือนในอดีตแน่นอน
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการประเมินทรัพย์สินต่างๆของบริษัทใหม่เพื่อหวังเพิ่มอัตราผลตอบแทน(yield) กำไรให้ไม่ต่ำกว่า 15% เช่น ที่ดินว่างเปล่าไม่กี่แปลงหากไม่มีความจำเป็นก็อาจขายออกไป ส่วนอาคารสำนักงานบริษัทฯอาจเข้าพร็อพเพอตี้ ฟันด์ เพื่อนำเงินไปลงทุน เป็นต้น
สำหรับโครงสร้างราคาค่าน้ำดิบ ทางบริษัทฯได้ว่าจ้างไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส ศึกษาอยู่ โดยใช้ เป็นสูตรในการกำหนดค่าน้ำอย่างเป็นรูปธรรม คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างช้าไตรมาส 1/2553 อีกทั้งบริษัทฯจะมีสภาพคล่องมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากครม.มีมติให้กรมชลประทานเข้ามาซื้อโครงการวางท่อประแสร์-คลองใหญ่ มูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้สำรองจ่ายค่าท่อไปแล้ว 700 ล้านบาท คงเหลือค่าก่อสร้างที่ยังไม่ได้จ่ายผู้รับเหมาอยู่อีก 900 ล้านบาท โดยเงินสดที่ได้มาจะนำมาชำระคืนหนี้และลงทุน
ขณะที่แผนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนโครงการวางท่อน้ำดิบหนองปลาไหล-มาบตาพุดเส้นที่ 3 มูลค่าเงินลงทุน 1738 ล้านบาท ระยะทาง 30 กม. เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่มาบตาพุดไปได้อีก 10ปีข้างหน้า หรือเติบโตปีละ 8-9% จากเดิม 200 ล้านลบ.ม.เป็น 400 ล้านลบ.ม.
โดยการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบเครื่องสูบน้ำจากอ่างต่างๆ การวางแผนสำรองการเชื่อมโยง แหล่งน้ำจากแหล่งอื่นๆรวมถึงการลงทุนซื้อแหล่งน้ำบ่อดินจากเอกชนหรือลงทุนสร้างบ่อเก็บน้ำเอง เพื่อสำรองน้ำป้อนให้กับลูกค้า รวมทั้งดูลู่ทางการลงทุนในโครงการเซ้าเทิร์น ซีบอร์ด
นอกจากนี้ บริษัทยังหาโอกาสไปลงทุนต่างประเทศ โดยสนใจเข้าไปร่วมประมูลโครงการลดน้ำสูญเสีย โดยจะร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ในพื้นที่ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปีนี้
นายประพันธ์ อัศวอารี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW เปิดเผยว่า ความต้องการใช้น้ำดิบในช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ขยายเพิ่มขึ้น4.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่า ในครึ่งปีหลังปริมาณการขายน้ำดิบให้กับลูกค้าจะดีกว่า ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง5% จากปีก่อนหรือมียอดขายที่ระดับ 215 ล้านลูกบากศ์เมตร
โดยยอดขายน้ำดิบจะลดลงแค่ 2-3%จากปีก่อน ขณะที่รายได้จะเติบโตขึ้น 15% เนื่องจากบริษัทได้มีการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายลงและมีรายได้เพิ่มจากการปรับขึ้นค่าน้ำดิบในช่วงต้นปี 2552 ซึ่งทำให้มีกำไรปีนี้จะโต 15%จากปี2551
"บริษัทฯได้คาดการณ์ขายน้ำดิบปีนี้อยู่ที่ 215 ล้านลบ.ม.ลดลงจากปีก่อนที่ 224 ล้านลบ.ม.หรือลดลง 4-5% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวลงกระทบอุตสาหกรรมยานยนต์และปิโตรเคมี แต่ล่าสุดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา การใช้น้ำดิบเริ่มดีขึ้น ดังนั้นคาดว่าการขายน้ำดิบจะดีขึ้นกว่าเป้าหมาย ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีหลังนี้จะดีกว่า 6เดือนแรก ซึ่งจะส่งผลให้การจ่ายปันผลงวดสิ้นปี 2552 ก็จะสูงกว่า10สต./หุ้น ที่จ่ายปันผลระหว่างกาลไป"
ส่วนปีหน้า บริษัทฯได้มีการตั้งเป้ายอดขายน้ำดิบไว้ที่ 233ล้านลบ.ม. เนื่องจากมีลูกค้าใหม่เข้ามาทั้งโรงงานปิโตรเคมีในเครือปตท.และปูนซิเมนต์ไทย อีกทั้งยังมีโรงงานกรองน้ำของการประปาเพิ่มขึ้นด้วย ขณะ ที่ปริมาณน้ำดิบสำรองทั้งในอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และดอกกรายพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ที่ปริมาณ 166 ล้านลบ.ม. ซึ่งต่ำกว่าปี 2550
ส่วนปริมาณน้ำสำรองในอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี อยู่ที่ 40 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็น 36%ของความจุ ซึ่งเป็นปริมาณที่ค่อนข้างน้อย แต่ก็ยืนยันว่าปริมาณน้ำสำรองดังกล่าวเพียงพอป้อนให้กับลูกค้า โดยไม่มีปัญ หาน้ำขาดเหมือนในอดีตแน่นอน
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการประเมินทรัพย์สินต่างๆของบริษัทใหม่เพื่อหวังเพิ่มอัตราผลตอบแทน(yield) กำไรให้ไม่ต่ำกว่า 15% เช่น ที่ดินว่างเปล่าไม่กี่แปลงหากไม่มีความจำเป็นก็อาจขายออกไป ส่วนอาคารสำนักงานบริษัทฯอาจเข้าพร็อพเพอตี้ ฟันด์ เพื่อนำเงินไปลงทุน เป็นต้น
สำหรับโครงสร้างราคาค่าน้ำดิบ ทางบริษัทฯได้ว่าจ้างไพร้ซ วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส ศึกษาอยู่ โดยใช้ เป็นสูตรในการกำหนดค่าน้ำอย่างเป็นรูปธรรม คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างช้าไตรมาส 1/2553 อีกทั้งบริษัทฯจะมีสภาพคล่องมากขึ้นในปีนี้ เนื่องจากครม.มีมติให้กรมชลประทานเข้ามาซื้อโครงการวางท่อประแสร์-คลองใหญ่ มูลค่าประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยบริษัทฯได้สำรองจ่ายค่าท่อไปแล้ว 700 ล้านบาท คงเหลือค่าก่อสร้างที่ยังไม่ได้จ่ายผู้รับเหมาอยู่อีก 900 ล้านบาท โดยเงินสดที่ได้มาจะนำมาชำระคืนหนี้และลงทุน
ขณะที่แผนการลงทุนใน 5 ปีข้างหน้า บริษัทฯจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะลงทุนโครงการวางท่อน้ำดิบหนองปลาไหล-มาบตาพุดเส้นที่ 3 มูลค่าเงินลงทุน 1738 ล้านบาท ระยะทาง 30 กม. เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำในพื้นที่มาบตาพุดไปได้อีก 10ปีข้างหน้า หรือเติบโตปีละ 8-9% จากเดิม 200 ล้านลบ.ม.เป็น 400 ล้านลบ.ม.
โดยการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพระบบเครื่องสูบน้ำจากอ่างต่างๆ การวางแผนสำรองการเชื่อมโยง แหล่งน้ำจากแหล่งอื่นๆรวมถึงการลงทุนซื้อแหล่งน้ำบ่อดินจากเอกชนหรือลงทุนสร้างบ่อเก็บน้ำเอง เพื่อสำรองน้ำป้อนให้กับลูกค้า รวมทั้งดูลู่ทางการลงทุนในโครงการเซ้าเทิร์น ซีบอร์ด
นอกจากนี้ บริษัทยังหาโอกาสไปลงทุนต่างประเทศ โดยสนใจเข้าไปร่วมประมูลโครงการลดน้ำสูญเสีย โดยจะร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ในพื้นที่ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปีนี้