xs
xsm
sm
md
lg

เปิดก๊อกลงทุนนอกแก้บาทแข็ง ตลท.ไม่ห่วงเงินไหลออกตลาดหุ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้ว่า ธปท.ส่งสัญญาณค่าเงินบาท 5 เดือนสุดท้ายปี 52 ไม่มีโอกาสอ่อนค่าลงแน่ เตรียมใช้มาตรการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ โดยจัดแพ็คเกจหนุนเอกชนนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ หวังช่วยลดแรงกดดันบาทแข็ง พร้อมย้ำ ค่าเงินบาทยังแข็งค่าในระดับปานกลางเมื่อเทียบภูมิภาค จึงไม่ได้ทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันในด้านการส่งออกมากนัก ด้านผู้จัดการ ตลท.ไม่หวั่นเงินไหลออกจากตลาดหุ้น เนื่องจากสภาพคล่องในระบบการเงินยังมีอยู่สูงมาก โดยเงินฝากในธนาคารพาณิชย์มีมากถึง 6 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันก็มีเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยทดแทน




นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปาฐกถาพิเศษ เรื่องบทบาทสตรีไทย กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนาในโอกาสวันสตรีไทย ประจำปี 2552 เรื่องผู้หญิงยุคใหม่ ใส่ใจเรื่องเงินๆ ทองๆำ ซึ่งจัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ร่วมกับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชนูปถัมภ์ โดยกล่าวถึงแนวโน้มค่าเงินบาท ช่วงที่เหลือของปี 2552 โดยคาดว่า ในปีนี้ คงไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นค่าเงินบาทอ่อนค่ากลับไปที่ 36 บาทต่อดอลลาร์ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันที่คงจะกลับไปอยู่ในจุดเดิมได้ยาก

ตอนนี้ ธปท.ก็จะมีมาตรการออกมาช่วยลดแรงกดดันที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า เช่น การผ่อนคลายหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนให้นำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ โดยจัดเป็นแพ็กเกจการลงทุน โดยแพ็คเกจที่จะประกาศนี้ จะเป็นมาตรการเพิ่มเติม หลังจากที่ ธปท.ได้อนุญาตให้เอกชนไปลงทุนในตราสารและหลักทรัพย์ในต่างประเทศได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัวในช่วงที่เงินบาทแข็งค่ามากในขณะนี้คือ การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพราะตอนนี้เงินบาทแข็งค่าจากการที่เราเกินดุลการค้า แต่หากเศรษฐกิจดีขึ้น ก็น่าจะทำให้การเกินดุลการค้าลดลง แต่ทั้งนี้ ค่าเงินบาทยังแข็งค่าในระดับปานกลางเมื่อเทียบภูมิภาค จึงไม่ได้ทำให้สูญเสียความสามารถในการแข่งขันในด้านการส่งออกมากนัก

นางธาริษา กล่าวอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2552 ถ้าเทียบรายไตรมาสและรายเดือนเริ่มเห็นสัญญาณเป็นบวกในตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัว อาทิ การผลิต ยานยนต์ อิเลกทรอนิกส์ การใช้จ่ายเอกชนที่เร่งตัวขึ้น ส่งออกรายเดือน หากเทียบกันเดือนต่อเดือน ก็เป็นบวก นำเข้าก็ขยายตัวมากขึ้นเช่นกัน

"ในครึ่งแรกปีก่อน เศรษฐกิจเราดีมาก ฐานจึงสูง แต่หากเทียบ Q-o-Q หลายตัวยังติดลบ แต่ก็ในอัตราชะลอลง และจากนี้ไปจะเริ่มดีขึ้น แต่จะยั่งยืนต่อเนื่องหรือไม่ ไม่มีใครกล้าฟันธง จากข้อมูลน่าจะดีขึ้นแต่ยังชะล่าใจไม่ได้" ผู้ว่า ธปท. กล่าวสรุปทิ้งท้าย

ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า การผ่อนคลายหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนให้นำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ อาจทำให้เกิดความผันผวนบ้าง แต่ไม่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน โดยรวมมากนัก เนื่องจากสภาพคล่องในแง่ของเม็ดเงินผู้ลงทุนยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะเงินฝากที่มีอยู่ 6 ล้านล้านบาท

ขณะเดียวกันการที่จะลงทุนในต่างประเทศได้ก็จะต้องมีความรู้และความพร้อม อีกทั้งหากเราสามารถออกไปลงทุนได้ ก็จะมีเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในบ้านเราเช่นกัน ซึ่งจะทดแทนกัน

ทั้งนี้ มองว่าการผ่อนเกณฑ์ดังกล่าวน่าจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนและการเพิ่มเม็ดเงินในการลงทุน โดยที่เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้มีทางเลือกมากขึ้น รวมทั้งผ่านกองทุน FIF ซึ่งขณะนี้เป็นที่นิยมในการลงทุนมากขึ้น

"ไม่ได้ห่วงหรือกังวลมากกับการที่แบงก์ชาติจะผ่อนคลาย เพราะถ้าดูแล้ว 2 ปีที่ผ่านมา แบงก์ชาติก็ได้ผ่อนเกณฑ์ในการไปลงทุนในระดับหนึ่ง เพียงแต่มีการจำกัดวงเงินในการลงทุนเท่านั้น"นางภัทรียา กล่าว

สำหรับตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง นางภัทรียา กล่าวว่า น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อดูจากสภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีนักวิเคราะห์ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะเดียวกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนก็อยู่ในทิศทางที่ดี ทำให้เราได้รับผลดีตามไปด้วย

ในส่วนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น คาดว่าครึ่งปีหลังจะมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนใหม่เข้าตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น จากช่วงต้นปีถึงปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนเข้ามาใหม่แล้ว 8 บริษัท และที่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว 8-10 บริษัท และอยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติอีก 8-10 บริษัท หากภาวะตลาดเอื้ออำนวยก็เชื่อว่าจะทำให้บริษัทเหล่านั้นมีความสนใจเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น