สภาวิชาชีพบัญชี เล็งใช้ IFRS ในการทำระบบบัญชี บริษัทจดทะเบียน โดย บจ. SET 50 ดีเดย์ปี 54 ส่วน SET 100 เริ่มใช้ปี 58 ที่เหลือเริ่มปี 59 หวังเป็นมาตรฐานการดูงบบัญชีสากลเดียวกันทั่วโลก แนะ บจ.ศึกษาข้อมูลฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรและบุคลากร
นางสาวสมบูรณ์ ศุภศิริภิญโญ กรรมการคณะกำหนดมาตรฐานการบัญชี สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ภายในปี 2554 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อยู่ใน SET50 จะต้องใช้มาตรฐานบัญชี IFRS ส่วนบริษัทจดทะเบียนใน SET100 จะเริ่มใช้ในปี 2557-2558 ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่เหลือ และที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จะเริ่มใช้ในปี 2559 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นระบบบัญชีที่ทั่วโลกสามารถเข้าใจเป็นมาตรฐานสากล ซึ่ง IFRS เป็นมาตรฐานการรายงานที่เข้าใจกันในทุกๆ ประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสามารถที่จะดูงบบัญชีในแบบเดียวกัน
ปัจจุบันมีประเทศที่ใช้ IFRS มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการฝึกอบรมและจัดสัมมนาให้กับบริษัทจดทะเบียนใน SET 50 โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงธันวาคม 2552 เพื่อสร้างความเข้าใจ รวมถึงมองว่าบริษัทควรที่จะเตรียมการพัฒนาระบบและพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมก่อนที่จะเริ่มใช้ ซึ่งไม่เฉพาะแต่นักการบัญชีเท่านั้น แต่ควรรวมไปถึงบุคลากรทุกคนที่จะสามารถทำความเข้าใจในงานระบบใหม่ได้
ทั้งนี้ ก็ต้องยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนระบบดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบกับกลุ่มธุรกิจที่บันทึกการรับรู้รายได้ก่อนขั้นตอนความสำเร็จของงานเหมือนกัน อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการก่อนที่จะมีการโอนสินทรัพย์จริง
นายธวัชชัย เกียรติกิวานกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับบัญชีตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนระบบเป็นมาตรฐานบัญชีใหม่จะช่วยให้เห็นถึงสภาพของบริษัทจดทะเบียนที่แท้จริง ซึ่งตามแผนการพัฒนาตลาดทุนก็มีความต้องการที่จะให้ระบบเป็นสากลอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี มองว่าผู้ประกอบการบางกลุ่มจะได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนระบบบัญชีใหม่เช่นกัน โดยคือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเกษตร และกลุ่มที่มีทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจนำเข้าและส่งออก เพราะการโค้ดราคา ณ วันที่สินค้าเข้ามาในประเทศไทยจะเปลี่ยนเป็นเงินบาททันที แต่ระบบใหม่จะต้องรอให้หมดรอบบัญชี 1 ปีก่อน ถึงจะมีการคำนวณได้
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนระบบบัญชีใหม่ก็ยังขัดกับระบบของสรรพากรอยู่ที่จะต้องมีการแปลงค่าเป็นสุกุลต่างประเทศเป็นเงินบาททันที ซึ่งก็เตรียมที่จะหารือกับสรรพากรเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวภายหลังที่ได้หารือกับคณะอนุกรรมการแผนพัฒนาตลาดทุน และได้รับบรรจุประเด็นดังกล่าวเข้าไปเพื่อที่จะหารือในคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนชุดใหญ่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมประชุมด้วยในปลายเดือนกรกฎาคมนี้
"มาตรฐานบัญชีใหม่ หาก บจ.ที่ไม่สามารถจะเข้าเกณฑ์ และไม่สามารถทำมาตรฐานบัญชี IFRS ได้ ก็สามารถปรับมาเป็นมาตรฐานบัญชีแบบ Local Option ได้เนื่องจากเรื่องแบบนี้ต้องดูที่ความพร้อมของแต่ละองค์กรประกอบไปด้วย " นายธวัชชัย กล่าว
นางสาวสมบูรณ์ ศุภศิริภิญโญ กรรมการคณะกำหนดมาตรฐานการบัญชี สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ภายในปี 2554 บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อยู่ใน SET50 จะต้องใช้มาตรฐานบัญชี IFRS ส่วนบริษัทจดทะเบียนใน SET100 จะเริ่มใช้ในปี 2557-2558 ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่เหลือ และที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จะเริ่มใช้ในปี 2559 เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นระบบบัญชีที่ทั่วโลกสามารถเข้าใจเป็นมาตรฐานสากล ซึ่ง IFRS เป็นมาตรฐานการรายงานที่เข้าใจกันในทุกๆ ประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศสามารถที่จะดูงบบัญชีในแบบเดียวกัน
ปัจจุบันมีประเทศที่ใช้ IFRS มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการฝึกอบรมและจัดสัมมนาให้กับบริษัทจดทะเบียนใน SET 50 โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงธันวาคม 2552 เพื่อสร้างความเข้าใจ รวมถึงมองว่าบริษัทควรที่จะเตรียมการพัฒนาระบบและพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมก่อนที่จะเริ่มใช้ ซึ่งไม่เฉพาะแต่นักการบัญชีเท่านั้น แต่ควรรวมไปถึงบุคลากรทุกคนที่จะสามารถทำความเข้าใจในงานระบบใหม่ได้
ทั้งนี้ ก็ต้องยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนระบบดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบกับกลุ่มธุรกิจที่บันทึกการรับรู้รายได้ก่อนขั้นตอนความสำเร็จของงานเหมือนกัน อาทิ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการก่อนที่จะมีการโอนสินทรัพย์จริง
นายธวัชชัย เกียรติกิวานกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกำกับบัญชีตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนระบบเป็นมาตรฐานบัญชีใหม่จะช่วยให้เห็นถึงสภาพของบริษัทจดทะเบียนที่แท้จริง ซึ่งตามแผนการพัฒนาตลาดทุนก็มีความต้องการที่จะให้ระบบเป็นสากลอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี มองว่าผู้ประกอบการบางกลุ่มจะได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนระบบบัญชีใหม่เช่นกัน โดยคือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มเกษตร และกลุ่มที่มีทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจนำเข้าและส่งออก เพราะการโค้ดราคา ณ วันที่สินค้าเข้ามาในประเทศไทยจะเปลี่ยนเป็นเงินบาททันที แต่ระบบใหม่จะต้องรอให้หมดรอบบัญชี 1 ปีก่อน ถึงจะมีการคำนวณได้
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนระบบบัญชีใหม่ก็ยังขัดกับระบบของสรรพากรอยู่ที่จะต้องมีการแปลงค่าเป็นสุกุลต่างประเทศเป็นเงินบาททันที ซึ่งก็เตรียมที่จะหารือกับสรรพากรเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวภายหลังที่ได้หารือกับคณะอนุกรรมการแผนพัฒนาตลาดทุน และได้รับบรรจุประเด็นดังกล่าวเข้าไปเพื่อที่จะหารือในคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนชุดใหญ่ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมประชุมด้วยในปลายเดือนกรกฎาคมนี้
"มาตรฐานบัญชีใหม่ หาก บจ.ที่ไม่สามารถจะเข้าเกณฑ์ และไม่สามารถทำมาตรฐานบัญชี IFRS ได้ ก็สามารถปรับมาเป็นมาตรฐานบัญชีแบบ Local Option ได้เนื่องจากเรื่องแบบนี้ต้องดูที่ความพร้อมของแต่ละองค์กรประกอบไปด้วย " นายธวัชชัย กล่าว
