xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นภาคเช้าวูบลง 2% ตามทิศทางดาวโจนส์ แนะยึดหุ้นพื้นฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นภาคเช้ารูดลงอีก 2% ดัชนีหลุด 600 จุด "ปรกณ์" ยอมรับ ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก ตามทิศทางตลาดโลก พร้อมแนะเล่นหุ้นพื้นฐาน เพื่อลดความเสี่ยง "ภัทรียา" ปลอบนักลงทุน ยันตลาดหุ้นไทยยังแข็งแรง

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันที่ 16 มิถุนายน 2552 (วันนี้) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 598.41 จุด ลดลง 13.51 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.21% มูลค่าการซื้อขาย 14,105.45 ล้านบาท เป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ 600 จุด ไปเรียบร้อยแล้ว

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน โดยยอมรับว่า การปรับตัวมักจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยดัชนีราคาหุ้นปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น

"ถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะปรับตัวลดลงเกือบ 17 จุด ซึ่งก็ไปไปตามตลาดหุ้นในต่างประเทศ โดยนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังและเลือกลงทุนตามปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก เพราะดัชนียังคงมีความผัวผวนตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ด้านนางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวดีขึ้นในขณะนี้ ทำให้ผู้ลงทุนมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อเนื่องก็จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง

นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2552 คาดว่าจะมีหุ้นไอพีโอเข้ามาซื้อขายในตลาดอีกจำนวน 12 บริษัท โดยจำนวนทั้งหมดได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ใน SET อีกทั้งในปีนี้คาดว่าจะมีบริษัทที่เข้ามาจดทะเบียนในตลาดจำนวนทั้งสิ้น 37 บริษัท ซึ่งเป็นไปตามเป้าเดิมที่มีการปรับลดก่อนหน้านี้ที่ 46 บริษัท

"หากนับจากช่วงเดือนพฤษภาคม 2552 ที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นและมีความเพียงพอ ทำให้บริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนได้ราคาหุ้นที่ดี ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเชื่อว่าจะเป็นผลดี แต่ตลาดอาจมีการปรับตัวลงบ้างเป็นไปตามจังหวะ"

สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้จัดการ ตลท. ประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทย ยังคงต้องติดตามดูภาพรวมของเศรษฐกิจและปัญหาสถาบันการเงิน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาของสหรัฐฯ ซึ่งหากสามารถลุล่วงไปได้จะส่งผลดีต่อแนวโน้มตลาดหุ้นให้ดีขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรมีการติดตามข้อมูล รวมถึงภาวะตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อประกอบการตัดสินใจ

ส่วนประเด็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ และมีการอภิปรายไปแล้ว เมื่อวานนี้ นางภัทรียา คาดว่า ประชาชนจะได้รับมุมมองเพิ่มขึ้น ขณะที่หลังจากการกู้เงินแล้วจำนวนหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงินที่รัฐบาลจะนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงานที่สามารถสร้างรายได้กลับมา เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ส่วนความคืบหน้าสำหรับการซื้อขายรวม 5 ตลาดหุ้นอาเซียน หรือ อาเซียน ลิ้งเก็ต หลังจากได้มีการพูดคุยที่ประเทศสิงคโปร์แล้ว โดยในขณะนี้อยู่ในระหว่างเลือกไอที แพลตฟอร์ม ที่ต้องทำงานต่อในเชิงเทคนิค ซึ่งจะเป็นส่วนเชื่อมโยงในการทำการซื้อขาย หากขั้นตอนต่างๆ สามารถดำเนินแล้วเสร็จคาดว่าอาเซียน ลิงค์เกต จะสามารถเปิดการซื้อขายได้ประมาณไตรมาส 3 ปี 2553

สำหรับกรณีบริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TIES ที่มีข่าวว่ามีพันธมิตรสนใจที่จะเข้ามาถือหุ้น ในเบื้องต้นคาดว่าจะไม่มีปัญหา เนื่องจากบริษัทฯ ได้มีการขอขึ้นเครื่องหมาย SP ด้วยตัวเองทัน แต่ทั้งนี้จะต้องมีการตรวจสอบคำชี้แจงที่บริษัทฯ ส่งเข้ามาเพิ่มเติม ด้านกรณีการตรวจสอบบริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (มหาชน) หรือ AIM จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของตลาดหลักทรัพย์ ไปดูข้อมูลที่เกิดขึ้น โดยผู้ที่ดูแลในเรื่องดังกล่าวคือ นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด
กำลังโหลดความคิดเห็น