ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.ไอเอ็นจี คลอด "ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M4" ลงทุนพันธบัตรเกาหลีใต้อายุ 1 ปีให้ผลตอบเเทนประมาณ 2.70% ต่อปี เตรียมไอพีโอตั้งวันที่ 8- 15 มิถุนายน 2552 นี้ พร้อมโรโอเวอร์กองทุนพันธบัตรรัฐบาล"ไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรล โอเว่อร์ C"ให้ยิลด์0.60 - 0.70 % ต่อปี เปิดขายเเล้วตั้งเเต่วันนี้ถึง 9 มิถุนายน 2552
นายต่อ อินทรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมเเละที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บลจ.เตรียมเปิดขายกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ไอเอสเอฟ 12M4 ซึ่งมีอายุโครงการ 12 เดือน โดยจะลงทุนในตราสารหนี้เกาหลีใต้ เเละให้ผลตอบเเทนประมาณ 2.70% ต่อปี โดยจะเปิดขายตั้งวันที่ 8- 15 มิถุนายน 2552 นอกจากกองทุนประเภทตราสารหนี้เเล้ว บลจ.มีเเผนที่จะออกกองทุนหุ้น เเละกองทุนที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภันฑ์หรือ คอมมอนิตี อีกด้วยซึ่งออาจะต้องรอดูเรื่องของความเหมาะสมในการเปิดขายด้วยเช่นกัน
ขณะเดียวกันบลจ.ได้เปิดขายหน่วยกองทุนไอเอ็นจี ไทย 3 เดือน โรล โอเว่อร์ C อีกครั้งตั้งเเต่วันนี้ถึง 9 มิถุนายน 2552 โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการ 3 เดือน เเละให้ผลตอบเเทนประมาณ 0.60 - 0.70 % ต่อปี สำหรับกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่จะเน้นลงทุนแบบซื้อแล้วถือจนครบกำหนด (Buy and Hold) ในตราสารหนี้ที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยสถาบันการเงิน ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ตราสารหนี้ที่ออกโดยกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งเงินฝาก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ซึ่งตราสารหนี้ที่ลงทุนจะมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม หรือมีอายุคงเหลือของตราสารประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ตราสารหนี้ที่กองทุนลงทุนนั้น จะเป็นตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ
ทั้งนี้ รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัย บลจ.ไอเอ็นจี เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศมีการซื้อขายตราสารหนี้ไม่สู้ดีนัก โดยดัชนีราคาพันธบัตร ปรับตัวลง 1.47 จุด อยู่ที่ 104.00 จุด หรือคิดเป็น -1.39%เมื่อเทียบกับดัชนีสิ้นสัปดาห์ก่อนหน้า การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล เมื่อเทียบกับสิ้นสัปดาห์ก่อนหน้า พบว่าเส้นผลตอบแทนปรับตัวชันขึ้นทั้งเส้น โดย อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 1 เดือนถึง 1 ปี ปรับตัวขึ้นระหว่าง 1 ถึง 2 bps อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรช่วงอายุคงเหลือตั้งแต่ 1 ปีถึง 3 ปี ปรับตัวขึ้นระหว่าง 2 ถึง 31 bps อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรช่วงอายุคงเหลือ 5 - 10 ปี ปรับตัวขึ้นระหว่าง 27 ถึง 34bps และอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรช่วงอายุคงเหลือมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ปรับตัวเพิ่มขึ้นระหว่าง 9 ถึง 24 bps
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทน คือ ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานใหม่ที่จะเพิ่มขึ้น จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ2ของรัฐบาล วงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท สำหรับ 3 ปีข้างหน้า แม้ว่า พระราชกำหนดกู้เงินพิเศษ 4 แสนล้านบาท จะต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ นอกจากนี้นักลงทุนเริ่มปรับแนวคิดเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยภายหลังจากที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า อัตราดอกเบี้ยน่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้ว ส่งผลให้นักลงทุนเทขายพันธบัตรออกมาและสนใจที่จะประมูลพันธบัตรในตลาดแรกน้อยลง ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรที่ประมูลออกมาสูงกว่าตลาดรองค่อนข้างมาก