ไทยโพลีคอนเล็งเทกโอเวอร์ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เดินหน้าสำรวจทรัพย์สิน คาดสรุปได้ปลายปีนี้ เผยธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าใช้กาบมะพร้าวเป็นเชื้อเพลิง เซ็น MOU กับพันธมิตรที่ร่วมทุนเร่งศึกษาข้อมูลหากเป็นไปได้จะเริ่มดำเนินการปี 56 ครึ่งหลังปีนี้เน้นประมูลงานราชการภาคใต้ เก็บงานในมือเพิ่มอีก 1.6 พันล้านบาท
นายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอน จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยว่าบริษัทยังมีแนวคิดจะเข้าซื้อกิจการ (Takeover) รับเหมาก่อสร้างของบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์เพื่อขยายธุรกิจ โดยเบื้องต้นได้เข้าไปสำรวจทรัพย์สินแล้วพบว่ามีมูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท แต่ด้านหนี้สินและรายละเอียดต่างๆ ของบริษัทแห่งนี้คงต้องตรวจสอบความชัดเจน คาดได้ข้อสรุปปลายปีนี้
สำหรับ ความคืบหน้าการลงทุนธุรกิจใหม่ด้านพลังงานชีวมวลที่ใช้กาบมะพร้าวเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้านั้นปัจจุบันได้เซ็นสัญญาลงนาม (MOU) กับพันธมิตรที่ร่วมลงทุนแล้ว โดยจะใช้ระยะเวลาศึกษาข้อมูลร่วมกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้จะเห็นเป็นรูปธรรมในอีก 3 ปีหรือปี 56 และสร้างผลตอบแทนให้บริษัทในปี 57
โดยช่วงครึ่งหลังปี 52 บริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลงานราชการในแถบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มอีกมูลค่าประมาณ 6.40 พันล้านบาท คาดได้งานประมาณ 1.6 พันล้านบาท หรือ25% ของมูค่ารวมโครงการ
" ปีนี้คงจะหันมาเน้นลุยงานราชการมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่ให้มาร์จิ้นสูงถึง 8% และเสียภาษีของงานในพื้นที่นี้เพียง 3% เพราะงานแถบนี้มีความเสี่ยงสูง ทำให้มีคูแข่งเข้าร่วมไม่มาก แต่เราก็ยังคงต้องระมัดระวังในการทำงานอยู่ตลอดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นทุกเวลา" นายเจริญกล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 2.40 พันล้านบาท จากโครงการโรงพยาบาลและงานก่อสร้างอาคารมหาวิทยาลัยนราธิวาส รวมทั้งโครงการก่อสร้างถนนบริเวณสนามบินจังหวัดนราธิวาสที่ร่วมทุนกับ บริษัท หาดใหญ่ PSM จำกัด ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 41% ที่เหลือทยอยรับรู้จนถึงปี 54
สำหรับผลประกอบการปี 52 บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) อยู่ที่ 6% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.55% ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.10 พันล้านบาท จากปี 51ที่มีรายได้ 1,700 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้ต่อการชำระหนี้ของภาคเอกชนจนทำให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองแล้ว
"เรื่องปัญหาหนี้เสียคงไม่ต้องกังวลมากเพราะตั้งสำรองไว้แล้ว ซึ่งหากเราชนะดคีและสามารถเรียกเก็บหนี้จากลูกค้าได้เงินส่วนนี้จะกลับมาเป็นกำไรของบริษัท ประกอบกับฐานะการเงินของเราตอนนี้ถือว่ายังแข็งแกร่ง เพราะมีกระแสเงินสดกว่า 300 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้นเพียง 100 ล้านบาท น่าจะเพียงพอรับงานโครงการใหม่ ๆ" นายเจริญกล่าว
นายเจริญ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอน จำกัด (มหาชน) หรือ TPOLY เปิดเผยว่าบริษัทยังมีแนวคิดจะเข้าซื้อกิจการ (Takeover) รับเหมาก่อสร้างของบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์เพื่อขยายธุรกิจ โดยเบื้องต้นได้เข้าไปสำรวจทรัพย์สินแล้วพบว่ามีมูลค่าประมาณกว่า 100 ล้านบาท แต่ด้านหนี้สินและรายละเอียดต่างๆ ของบริษัทแห่งนี้คงต้องตรวจสอบความชัดเจน คาดได้ข้อสรุปปลายปีนี้
สำหรับ ความคืบหน้าการลงทุนธุรกิจใหม่ด้านพลังงานชีวมวลที่ใช้กาบมะพร้าวเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้านั้นปัจจุบันได้เซ็นสัญญาลงนาม (MOU) กับพันธมิตรที่ร่วมลงทุนแล้ว โดยจะใช้ระยะเวลาศึกษาข้อมูลร่วมกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้จะเห็นเป็นรูปธรรมในอีก 3 ปีหรือปี 56 และสร้างผลตอบแทนให้บริษัทในปี 57
โดยช่วงครึ่งหลังปี 52 บริษัทฯ เตรียมเข้าร่วมประมูลงานราชการในแถบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มอีกมูลค่าประมาณ 6.40 พันล้านบาท คาดได้งานประมาณ 1.6 พันล้านบาท หรือ25% ของมูค่ารวมโครงการ
" ปีนี้คงจะหันมาเน้นลุยงานราชการมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่ให้มาร์จิ้นสูงถึง 8% และเสียภาษีของงานในพื้นที่นี้เพียง 3% เพราะงานแถบนี้มีความเสี่ยงสูง ทำให้มีคูแข่งเข้าร่วมไม่มาก แต่เราก็ยังคงต้องระมัดระวังในการทำงานอยู่ตลอดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นทุกเวลา" นายเจริญกล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 2.40 พันล้านบาท จากโครงการโรงพยาบาลและงานก่อสร้างอาคารมหาวิทยาลัยนราธิวาส รวมทั้งโครงการก่อสร้างถนนบริเวณสนามบินจังหวัดนราธิวาสที่ร่วมทุนกับ บริษัท หาดใหญ่ PSM จำกัด ซึ่งจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 41% ที่เหลือทยอยรับรู้จนถึงปี 54
สำหรับผลประกอบการปี 52 บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิ (Net profit margin) อยู่ที่ 6% จากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.55% ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.10 พันล้านบาท จากปี 51ที่มีรายได้ 1,700 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ส่งผลให้ต่อการชำระหนี้ของภาคเอกชนจนทำให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองแล้ว
"เรื่องปัญหาหนี้เสียคงไม่ต้องกังวลมากเพราะตั้งสำรองไว้แล้ว ซึ่งหากเราชนะดคีและสามารถเรียกเก็บหนี้จากลูกค้าได้เงินส่วนนี้จะกลับมาเป็นกำไรของบริษัท ประกอบกับฐานะการเงินของเราตอนนี้ถือว่ายังแข็งแกร่ง เพราะมีกระแสเงินสดกว่า 300 ล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้นเพียง 100 ล้านบาท น่าจะเพียงพอรับงานโครงการใหม่ ๆ" นายเจริญกล่าว