xs
xsm
sm
md
lg

ย้ายบินไทยกลับสุวรรณภูมิป่วน บอร์ดลาออก13คนรอประชุมใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ย้ายการบินไทยกลับสุวรรณภูมิป่วน “กรรมาธิการคมนาคม-สหภาพฯการบินไทย”ร่อนหนังสือถึง”อภิสิทธิ์”คัดค้านย้ายการบินไทยจากดอนเมืองไปสุวรรณภูมิ ระบุสุวรรณภูมิยังมีปัญหาไม่พร้อมทั้งด้านบริการและสถานที่ กมธ.คมนาคมระบุ เชิญ”โสภณ“ชี้แจงแต่ไม่เคยให้ความร่วมมือ ด้านสหภาพฯ ออกแถลงการณ์ฉบับ 11 คัดค้าน ยันการบินไทยไม่ใช่สมบัติของนักการเมือง ขณะที่บอร์ดลาออกยกชุดมีผล 21 เม.ย. เปิดทางก๊วนเนวินตั้งใหม่ แต่ยังทิ้ง “ชัยเกษม นิติศิริ” ไว้ 1 คน เพื่อทำหน้าที่ประธานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 22 เม.ย.

นายพงศ์พันธ์ สุนทรชัย ประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า วานนี้ (18 มี.ค.) กรรมาธิการคมนาคมฯ ได้ทำหนังสือถึง นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คัดค้านการย้ายสายการบินภายในประเทศทั้งหมดไปรวมให้บริการ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาให้กระทรวงคมนาคมทบทวนนโยบายดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่จะดำเนินการย้ายภายในวันที่ 29 มี.ค. 2552 นี้ พร้อมทั้งได้แนบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ใช้สนามบินทั่วประเทศในกรณีการย้ายการบินไทย จากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจากตัวอย่าง 2,780 คน มี 83.09% ที่ไม่เห็นด้วยกับการย้าย

โดยการคัดค้านดังกล่าว ระบุว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาศึกษาถึงการดำเนินกิจการของกระทรวงคมนาคม กรณีการดำเนินนโยบายสนามบินเดียว ( Single Airport) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเร่งย้ายสายการบินภายในประเทศทั้งหมดไปรวมให้บริการที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้นเห็นว่า ขณะนี้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังไม่มีความพร้อมที่จะเป็นท่าอากาศยานเดียวของกรุงเทพ ทั้งจากปัญหาการก่อสร้างเพิ่มเติมอาคารสถานที่และรันเวย์ ปัญหาความคับคั่งของการจราจรทางอากาศ ตลอดจนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนผู้อาศัยในเขตบริเวณใกล้เคียงกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยังพบว่าในปัจจุบันการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคต่างๆทั่วโลกนั้น ไม่จำเป็นต้องดำเนินนโยบายท่าอากาศยานเดียว เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ปรากฎในเมืองใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค จะมีท่าอากาศยานสากลมากกว่าท่าอากาศยานเดียวเพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชน

นอกจากนี้ วานนี้ (18 มี.ค.) คณะกรรมาธิการฯ ได้เรียกบริษัทการบินไทย ,บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. , สายการบินนกแอร์ มาเพื่อสอบถามเหตุผลการย้ายหรือไม่ย้ายไปใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งทางนกแอร์ ยืนยันว่าไม่ย้ายเนื่องจากได้ลงทุนที่จะปฎิบัติการบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว ส่วน ทอท.ยืนยันว่า ได้เตรียมความพร้อมที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับทุกสายการบินที่จะมาใช้บริการ

สำหรับการบินไทยนั้นยืนยันว่า จะต้องย้ายการดำเนินการจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวันที่ 29 มี.ค 2552 แน่นอน โดยให้เหตุผลว่าเป็นไปตามแผนฟื้นฟูธุรกิจและการเงิน ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิระ กรรมการ การบินไทยเป็นประธาน นอกจากนี้เพื่อต้องการลดการขาดทุน ซึ่งการชี้แจงทั้งหมดของการบินไทยนั้นกรรมาธิการฯ เห็นว่าไม่มีความชัดเจนประกอบกับไม่มีเอกสารอ้างอิงให้กับกรรมาธิการมีเพียงการพูดปากเปล่าเท่านั้น

“ การบินไทยไม่มีการชี้แจงถึงตัวเลขการขาดทุนที่ชัดเจนว่าจำนวนเท่าไร รวมถึงตัวเลข 600 ล้านบาทก็ไม่ชัดเจนว่าขาดทุนที่จุดไหน นอกจากนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าทำไมต้นปีจึงมีผลกำไรแต่พอปลายปีกลับขาดทุน และที่ผ่านมานั้นการบินไทยยืนยันมาตลอดว่าการดำเนินการที่ดอนเมืองนั้นได้กำไรและรู้สึกพึงพอใจมาโดย แต่เมื่อเปลี่ยนรัฐมนตรีความคิดก็เปลี่ยน อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวนั้นกรรมาธิการฯ ได้เชิญนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมมาชี้แจงข้อเท็จจริงหลายครั้งแล้ว แต่นายโสภณ ไม่เคยมา ส่งแต่ปลัดกระทรวงหรือเจ้าหน้าที่กระทรวงมาชี้แจงแทนเท่านั้น”นายพงศ์พันธ์กล่าว

สหภาพฯจำปีส่งหนังสือร้องนายกฯ ระงับอีกรอบ

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (18 มี.ค.) นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท การบินไทย ได้เดินทางยื่นหนังสือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการย้ายการให้บริการเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อยื่นต่อ โดยในหนังสือระบุว่า หลังจากที่คณะกรรมการบริหารนโยบายของการบินไทยได้มีมติให้ย้ายการให้บริการเที่ยวบินของบริษัทจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สหภาพฯ เห็นว่า การย้ายการให้บริการผู้โดยสารออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง เป็นข้อโต้แย้งในสังคมอย่างรุนแรงในเรื่องความโปร่งใส ผลดี และผลเสียของบริษัทในอนาคต ซึ่งได้ปรากฏแล้วว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่นำมาประกอบการพิจารณาในประเด็นนี้ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเฉพาะเรื่องการลดค่าใช้จ่ายประมาณ 648 ล้านบาท

อีกทั้งยังมีปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายที่สังคมกังขาต่อการย้ายในครั้งนี้ รวมทั้งในการย้ายการให้บริการเที่ยวบินครั้งนี้ ผู้บริหารก็ไม่ได้พิจารณาให้รอบคอบถึงผลที่จะเกิดขึ้นต่อบริษัทในอนาคต แต่กลับพิจารณาจากปัจจัยภายนอกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อปี 2549 ที่บริษัทต้องย้ายเที่ยวบินจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มาท่าอากาศยานดอนเมือง แต่การย้ายในครั้งนั้นได้มีมติคณะรัฐมนตรีให้ย้าย เนื่องจากปัญหาของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แต่ในครั้งนี้ความคิดในการย้ายเกิดขึ้นจากผู้บริหารบางคนเท่านั้น

เพื่อประโยชน์ของการบินไทย หากจะมีนโยบายใด ๆ ฝ่ายบริหารจึงควรพิจารณาให้รอบคอบ โปร่งใส คำนึงถึงความรับผิดชอบและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อคนไทยผู้ใช้บริการ และควรมีคำตอบที่ชัดเจนในแนวทางการบริหารธุรกิจของบริษัทในอนาคต ซึ่งจะมีผลกระทบต่อบริษัทและพนักงานทุกคน จึงขอให้พิจารณาระงับการย้ายให้บริการเที่ยวบินออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง และนำประเด็นปัญหากลับไปพิจารณาอีกครั้ง โดยยึดผลประโยชน์ของบริษัทเป็นที่ตั้ง

ออกแถลงการณ์ค้านย้ายยันการบินไทยไม่ใช่สมบัติของนักการเมือง

พ ร้อมกันนี้ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท การบินไทย ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 11 เพื่อคัดค้านการย้ายเที่ยวบินการบินไทย จากท่าอากาศยานดอนเมือง กลับไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระบุว่า สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) รวมทั้งสหภาพฯ ได้ลงสัตยาบันร่วมกันคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทุกรูปแบบ รวมทั้งคัดค้านการย้ายการบริการเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานดอนเมืองไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

และยังระบุว่า องค์กรสมาชิกของ สรส.ได้มีมติร่วมกันที่จะขอความชัดเจนในเรื่องการย้ายดังกล่าว จากนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม กระทบต่อระบบขนส่งสินค้าและการโดยสารของประเทศ และกระทบต่อสภาพแวดล้อมของชุมชนรอบสนามบิน ขณะที่การบินไทยเป็นสมบัติของชาติ ประชาชนคนไทยทุกคนเป็นเจ้าของบริษัทการบินไทย ไม่ใช่สมบัติของนักการเมือง ไม่ใช่สมบัติของพนักงานการบินไทยคนใดคนหนึ่ง รวมทั้งต้องร่วมมือกันในการตรวจสอบปัญหาในบริษัทย่อมเป็นประโยชน์ต่อพนักงานและการบริหารงานต้องโปร่งใส ซึ่งอยู่ที่การตรวจสอบอย่างจริงจังจากสังคม

บอร์ดลาออกเปิดทาง”โสภณ”ตั้งใหม่

นายสุรชัยกล่าวว่า การประชุมบอร์ดการบินไทยวานนี้ (18 มี.ค.) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำ หนดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551 คือ วันที่ 22 เม.ย.2552 ขณะบอร์ดได้ยื่นใบลาออก รวม 13 คน จากทั้งหมด 14 คน มีผลในวันที่ 21 เม.ย.นี้ ส่วนบอร์ดที่เหลืออีก 1 คน คือนายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด เพื่อจะได้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป สำหรับรายชื่อบอร์ดชุดใหม่ยังไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะมีการประชุมบอร์ดอีกครั้ง ก่อนการลาออกมีผล
กำลังโหลดความคิดเห็น