ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งโรดโชว์ต่างประเทศ สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนต่างชาติด้วยการเชิญรมว.คลังร่วมเดินสาย ประเดิมแถบเอเชีย ก.พ- มี.ค.นี้ พร้อมเตรียมเจรจา บีโอไอ ขอชวนกองทุนญี่ปุ่นร่วมฟังนโยบายจากนายกรัฐมนตรี 9 ก.พ. นี้ ด้าน “ภัทรียา” เตรียมสนับสนุนลดค่าใช้จ่ายบจ. เสนอให้ห้องประชุมฟรีเพื่อใช้ในการประชุมผู้ถือหุ้น พร้อมพัฒนาบุคลากรแนะนำการลงทุนในช่วงตลาดหุ้นผันผวน หนุนนักลงทุนบริหารพอร์ตได้ดีขึ้นจากสินค้าที่มีความหลากหลาย
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนที่จะเดินทางไปให้ข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทย โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคมนี้ จะเชิญนายกรณ์ จากติวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมเดินทางด้วย ซึ่งจะเดินทางไปประเทศแถบภูมิภาคเอเชียก่อน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกว่าจะไปประเทศสิงคโปร์ หรือฮ่องกง
ขณะเดียวกัน ได้มีแผนที่จะไปโรดโชว์แถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ระหว่างการรอดูความต้องการของนักลงทุนในแถบประเทศดังกล่าว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศที่สนใจที่จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศ
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากการไปโรดโชว์จะมีเม็ดเงินการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เร็ว จากการที่นักลงทุนรอรัฐบาลของแต่ละประเทศแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตนเอง”
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งจะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไปชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายการบริหารประเทศและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวคิดที่จะขอเชิญนักลงทุนสถาบันญี่ปุ่น เข้ามาร่วมฟัง เพื่อให้นักลงทุนรับทราบข้อมูลทางเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของไทย
สำหรับนโยบายด้านการบริหารงานในปี 2552 นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเน้นการให้บริการแก่บริษัทจดทะเบียน โดยเรื่องแรกคือการช่วยเหลือในการจัดหาสถานที่ในการจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีในปลายเดือนมีนาคมถึงสิ้นเดือนเมษายน ด้วยการจองห้องประชุมที่ศูนย์ประชุมสิริกิต์ให้ หรือจะใช้ห้องประชุมของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจองห้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นแก่บริษัทจดทะเบียนไทย และการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อดูแลแก่บริษัทจดทะเบียน
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ส่งแบบสอบถามไปยังบริษัทจดทะเบียนว่าต้องการที่จะใช้ห้องที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2552 ซึ่งมีบริษัทสนใจที่จะใช้ห้องที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจัดไว้มากพอสมควร โดยผู้ที่จะใช้บริการของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องเป็นบจ.ที่เป็นสมาชิกของสมาคมบริษัทจดทะเบียน”
นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนทำให้นักลงทุนจะต้องมีการวางแผนการลงทุนที่ดีมากขึ้น ซึ่งกลุ่มงานพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จะมีการทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฯลฯใ นการพัฒนาบุคลากรในการแนะนำการลงทุนแก่นักลงทุน และช่วยวางแผนการลงทุนที่ผสมตราสารการเงินต่างๆรวมอยู่ในพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น
สำหรับจากการที่ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการออกสินค้าใหม่ เช่น ซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้า (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW)ฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับหุ้นสามัญรายตัว (single stock)ฯลฯเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายแก่นักลงทุน จากภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวน หากมีการลงทุนในสินค้าที่หลากหลายก็จะช่วยทำให้พอร์ตการลงทุนมีผลตอบแทนที่ดี และลดความเสี่ยงในการลงทุน เช่น ปี 2551 กองทุนที่มีการลงทุนในหุ้น และมีการลงทุนในอนุพันธ์เข้ามาป้องกันความเสี่ยงนั้น ส่งผลทำให้มีผลตอบแทนจากการลงทุนถึง 6% จากที่ปีทีผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงไป 47%
ตลทแจงถือหุ้นTSFCเต็มที่20%
นางภัทรียา กล่าวถึง กรณีของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด หรือ (TSFC) ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปซื้อหุ้น TSFC จากผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่สามารถที่จะเพิ่มทุนได้ เช่น กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาของ TSFC สำเร็จในส่วนของการเพิ่มทุน แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯซื้อมาแล้วก็จะกระจายหุ้นดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ผู้ถือหุ้นรายใหม่ หรือ เจ้าหนี้ ที่สนใจที่จะเข้ามาถือหุ้น โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะถือหุ้นไม่เกิน 20% จากปัจจุบันที่ถือยู่ 5%
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนที่จะเดินทางไปให้ข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนต่างประเทศเกี่ยวกับการลงทุนในประเทศไทย โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคมนี้ จะเชิญนายกรณ์ จากติวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมเดินทางด้วย ซึ่งจะเดินทางไปประเทศแถบภูมิภาคเอเชียก่อน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเลือกว่าจะไปประเทศสิงคโปร์ หรือฮ่องกง
ขณะเดียวกัน ได้มีแผนที่จะไปโรดโชว์แถบยุโรป สหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ระหว่างการรอดูความต้องการของนักลงทุนในแถบประเทศดังกล่าว โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศที่สนใจที่จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศ
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากการไปโรดโชว์จะมีเม็ดเงินการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้เร็ว จากการที่นักลงทุนรอรัฐบาลของแต่ละประเทศแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของตนเอง”
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งจะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไปชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายการบริหารประเทศและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไทยนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯมีแนวคิดที่จะขอเชิญนักลงทุนสถาบันญี่ปุ่น เข้ามาร่วมฟัง เพื่อให้นักลงทุนรับทราบข้อมูลทางเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของไทย
สำหรับนโยบายด้านการบริหารงานในปี 2552 นั้น นางภัทรียา กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเน้นการให้บริการแก่บริษัทจดทะเบียน โดยเรื่องแรกคือการช่วยเหลือในการจัดหาสถานที่ในการจัดประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีในปลายเดือนมีนาคมถึงสิ้นเดือนเมษายน ด้วยการจองห้องประชุมที่ศูนย์ประชุมสิริกิต์ให้ หรือจะใช้ห้องประชุมของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการจองห้องจัดประชุมผู้ถือหุ้นแก่บริษัทจดทะเบียนไทย และการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อดูแลแก่บริษัทจดทะเบียน
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ส่งแบบสอบถามไปยังบริษัทจดทะเบียนว่าต้องการที่จะใช้ห้องที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2552 ซึ่งมีบริษัทสนใจที่จะใช้ห้องที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจัดไว้มากพอสมควร โดยผู้ที่จะใช้บริการของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องเป็นบจ.ที่เป็นสมาชิกของสมาคมบริษัทจดทะเบียน”
นางภัทรียา กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนทำให้นักลงทุนจะต้องมีการวางแผนการลงทุนที่ดีมากขึ้น ซึ่งกลุ่มงานพัฒนาตลาดทุน (CMDF) จะมีการทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ ฯลฯใ นการพัฒนาบุคลากรในการแนะนำการลงทุนแก่นักลงทุน และช่วยวางแผนการลงทุนที่ผสมตราสารการเงินต่างๆรวมอยู่ในพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้น
สำหรับจากการที่ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯมีการออกสินค้าใหม่ เช่น ซื้อขายสัญญาทองคำล่วงหน้า (โกลด์ ฟิวเจอร์ส) ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW)ฟิวเจอร์ที่อ้างอิงกับหุ้นสามัญรายตัว (single stock)ฯลฯเพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายแก่นักลงทุน จากภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวน หากมีการลงทุนในสินค้าที่หลากหลายก็จะช่วยทำให้พอร์ตการลงทุนมีผลตอบแทนที่ดี และลดความเสี่ยงในการลงทุน เช่น ปี 2551 กองทุนที่มีการลงทุนในหุ้น และมีการลงทุนในอนุพันธ์เข้ามาป้องกันความเสี่ยงนั้น ส่งผลทำให้มีผลตอบแทนจากการลงทุนถึง 6% จากที่ปีทีผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงไป 47%
ตลทแจงถือหุ้นTSFCเต็มที่20%
นางภัทรียา กล่าวถึง กรณีของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด หรือ (TSFC) ว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปซื้อหุ้น TSFC จากผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่สามารถที่จะเพิ่มทุนได้ เช่น กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาของ TSFC สำเร็จในส่วนของการเพิ่มทุน แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯซื้อมาแล้วก็จะกระจายหุ้นดังกล่าวให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ผู้ถือหุ้นรายใหม่ หรือ เจ้าหนี้ ที่สนใจที่จะเข้ามาถือหุ้น โดยตลาดหลักทรัพย์ฯจะถือหุ้นไม่เกิน 20% จากปัจจุบันที่ถือยู่ 5%