หุ้นภาคบ่ายยังสดใส ดัชนีปรับขึ้นกว่า 6% บรรยากาศเอื้อทั้งในและต่างประเทศ นักลงไล่ชอปหุ้นใหญ่ หลังอัดอั้นติดวันหยุดยาว 5 วัน คาดหวังมาตรการด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่คลอดได้เร็วๆ นี้ เผยต่างชาติดอดซื้อสุทธิเกือบพันล้าน โบรกเกอร์มั่นใจ January Effect ดึงเงินนอกไหลเข้า เชื่อการเมืองคลี่คลายดันดัชนีเดือน ม.ค.ทะลุ 500 จุด
ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ ดัชนีภาคบ่ายปรับขึ้นต่อเนื่อง โดบเมื่อเวลา 15.14 น.ดัชนีอยู่ที่ระดับ 471.99 จุด เพิ่มขึ้น 22.03 จุด เปลี่ยนแปลง +4.90% มูลค่าการซื้อขาย 11,805.76 ล้านบาท นักวิเคราะห์ กล่าวถึงการลงทุนในตลาดหุ้นในวันแรกที่เปิดทำการในปี 2552 บรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงผลักดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ดีดตัวขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นต่างประเทศ เพราะนักลงทุนทั่วโลกเข้าซื้อเก็งกำไรจากประเด็นการหารือของนายบารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับทีมเศรษฐกิจ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าจะเพิ่มวง เงินช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง หรือภาคอุตสาหกรรมจากเดิม 7.7 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึงระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์
ล่าสุดนายโอบามา ยังเสนอมาตรการลดหย่อนภาษีให้ชาวอเมริกันลงอีก เพื่อลดภาระของผู้บริโภคในสหรัฐ รวมถึงวงการเศรษฐกิจคาดหวังว่า หลังรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.นี้ รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่เพิ่มเติม ประกอบกับในช่วงต้นปี จะมีปรากฏการณ์แจนยัวอารี เอฟเฟกต์ (January Effect) ที่มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้น
"ที่ผ่านมากองทุนลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้น โดยหันไปถือพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งให้ผลตอบแทนต่ำและราคาหุ้นที่ลดลงมาก ทำให้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นขณะนี้ถือว่าสูงกว่าตราสารชนิดอื่น จึงเป็นสาเหตุให้มีเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นในช่วงต้นปีนี้ โดยประเมินว่าในเดือน ม.ค.นี้ ดัชนีมีโอกาสทะยานขึ้นไปถึง 500 จุด จากนั้นจะอ่อนตัวลงในเดือน ก.พ. ตามแนวโน้มของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกในไตรมาส 4 ปี 2551 จะออกมาย่ำแย่"
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไซรัส (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ภาพรวมการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันแรกของปี 2552 ค่อนข้างสดใส โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีปัจจัยขับเคลื่อนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับขึ้นใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล บวกกับแรงซื้อจากปรากฏการณ์ January Effect ที่มีเม็ดเงินย้ายกลับ ซึ่งในทุกครั้งจะมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นถึง 80%
ขณะเดียวกันตลาดหุ้นยังได้รับอานิสงส์จากกรณีที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงทั่วโลก ทำให้ผลตอบแทนจากากรลงทุนในตราสารทางการเงินทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ลดลง นักลงทุนจึงปรับแผนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า รวมทั้งความคาดหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของนายบารัค โอบามา ที่จะเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ได้สะท้อนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนปัจจัยในประเทศจากการประกาศลดดอกเบี้ยของนายกรณ์ จาติกวณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ได้ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยมากนัก เนื่องจากผู้ลงทุนมองว่าการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นการปรับตามทิศทางต่างประเทศเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (6 มกราคม 2552) ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะมีทิศทางขาขึ้นจากปรากฏการณ์ January Effect แต่นักลงทุนจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันในตลาดโลก และทิศทางตลาดหุ้นในต่างประเทศ ดังนั้นจึงแนะนำให้เก็งกำไรในระยะสั้น ทั้งนี้ ประเมินแนวรับที่ 450 จุด และแนวต้านที่ 480 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ ฮ่องกง และจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ได้ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเกือบแตะแนวต้านที่ 480 จุด
ปัจจัยในประเทศยังไม่มีความเคลื่อนไหวพิเศษ เนื่องจากอยู่ในช่วงรอดูท่าทีและกรอบการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขณะที่ปัญหาการเมืองในประเทศเองยังดูเหมือนจะไม่คลี่คลายไปเลยทีเดียว เนื่องจากยังมีกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาคัดค้าน
ส่วนแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์ฯ จะยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยนักลงทุนควรจับตาการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรและดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ดังนั้นควรชะลอการลงทุนระยะยาวออกไปก่อน ขณะที่การลงทุนระยะสั้น หากดัชนีบวกใกล้ระดับ 480 จุด ให้รีบเทขายทำกำไรก่อน ประเมินแนวรับไว้ที่ 455 จุด และแนวต้านที่ 480 จุด
นายวรุฒม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเปิดซื้อขายวันแรกในปี 2552 ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายที่คึกคัก โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงผลักดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการเก็งกำไรจากกระแสข่าวที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือภาคเศรษฐกิจจากเดิม 7.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับช่วงต้นปีจะมีปรากฏการณ์ January Effect ที่มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้น
ก่อนหน้านี้กองทุนต่างๆ ได้ลดความเสี่ยงจากตลาดหุ้นด้วยการหันไปถือพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำมาก ทำให้กองทุนต่างๆ กลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง โดยประเมินว่าในเดือนม.ค.นี้ ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสทะยานขึ้นไปถึง 500 จุด จากนั้นจะอ่อนตัวลงในเดือน ก.พ. ตามแนวโน้มของบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกในไตรมาส 4 ปี 2551 จะออกมาย่ำแย่
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.04 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 478.09 จุด เพิ่มขึ้น 28.13 จุด เปลี่ยนแปลง +6.25% มูลค่าการซื้อขาย 15,691.66 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 478.69 จุด เพิ่มขึ้น 28.73 จุด เปลี่ยนแปลง +6.39% มูลค่าการซื้อขาย 18,596.12 ล้านบาท