xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นคึกไม่รอด หวั่นเสื้อแดงป่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นคึกไม่รอด แม้เปิดตลาดดีดรับข่าวเฟดรับดอกเบี้ย ก่อนรูดต่ำปิดที่ 445.94 จุด ขยับเพิ่มเพียง 0.63 จุด มูลค่าซื้อขาย 2,108.05 ล้านบาท แม้ต่างชาติขนเงินลงทุน แต่รายย่อยตระหนกเทขายหนัก หลังข่าวกลุ่ม นปช. ประกาศจะออกมาชุมเพื่อขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาล ยังผลให้นักลงทุนวิตก และเทขายหุ้นออกมาต่อเนื่องจนปิดตลาด ขณะที่วันนี้ รอทิศทางการเมือง "ภัทรียา " เผยแนวโน้มหุ้นปี 52 หากปัจจัยลบทั้งในและนอกประเทศคลี่คลาย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะกลับมา ภาพรวมตลาดน่าจะปรับดีขึ้น เชื่อต่างชาติยังสนลงทุนหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วานนี้ (17 ธันวาคม 2551)ดีดรับการปรับเฟดลดดอกเบี้ยเปิดตลาดที่ระดับ 10 จุด ก่อนจะค่อยปรับลดลงช่วงบ่าย และปิดตลาดที่ดัชนี 445.94 จุด เพิ่มขึ้นเพียง 0.63 จุด คิดเป็น 0.14% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 19,692,52 ล้านบาท เรียกว่าแทบไม่ขยับจากวันก่อน โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 977.10 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,130.95 ล้านบาทและนักลงทุนราย ย่อยขายสุทธิ 2,108.05 ล้านบาท แม้ช่วงเช้าดัชนีหุ้นจะดีดแต่แผ่วลงในช่วงบ่าย เหตุกระแสข่าวการออกมาชุมนุมของกลุ่มผู้ชุมนุม แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาชุมนุมเพื่อขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

นายมงคล พ่วงเกดรา นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (17 ธันวาคม 2551) จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.75% เหลือ 0.25% และลดดอกเบี้ยมาตราฐานลง 0.75% จาก 1.25% เหลือ 0.50 % ส่งผลให้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นกว่า 10 จุด ขณะที่ในช่วงบ่ายดัชนีร่วงลง จากความวิตกกังวลของนักลงทุนหลังเฟดประกาศลดดอกเบี้ย ซึ่งแสดงถึงสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐที่ไม่ดี จึงทำให้มีแรงเทขายออกมา

ทั้งนี้ ปัญหาการเมืองภายในประเทศยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แต่ตลาดคาดการณ์ว่าปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายไปในทางที่ดี

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังปรับขึ้นลงตามทิศ ทางผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และแผนการช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาการเมืองภายในประเทศ ดังนั้นนักลงทุนระยะสั้นควรเทขายทำกำไร ส่วนกการลงทุนในระยะยาวให้ถือหุ้นต่อไป ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 438 จุด และแนวต้านที่ 450 จุด

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าวานนี้ตลาดหลักทรัพย์ปรับเพิ่มรับข่าวเฟดประกาศลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่ำสุดในรอบ 50 ปี เหลือเพียง 0.25% จนทำให้ปิดภาคเช้าในแดนบวก ขณะที่ช่วงบ่ายจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ภายหลังกลุ่ม นปช. ประกาศว่าจะมาชุมเพื่อขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาล จึงทำให้นักลงทุน เกิดความวิตกกังวลต่อเหตุการณ์ดังกล่าวและเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องจนปิดตลาด

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงมีแรงเทขายออกมา เนื่องจากก่อนหน้านี้ดัชนีได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อมาหลายวันแล้ว โดยนักลงทุนควรจับตาการแถลงนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และผลการประชุมของ OPEC ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะรอซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัว และให้แนวรับอยู่ที่ 435 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 455 จุด

ด้านนายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล. นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าวานนี้จากการที่เฟดประกาศลดดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.75% ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นรับกับข่าวดีดังกล่าว ขณะที่ปัญหาการเมืองภายในประเทศภายหลังกลุ่ม นปช. ประกาศว่าจะคัดขวางการแถลงนโยบายของฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง และเทขายหุ้นออกมาจนดัชนีร่วงลงสำหรันแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์วันนี้ น่าจะอยู่ในช่วงปรับฐาน และควรจับรอดูปัญหาการเมืองภายในประเทศว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงหรือไม่ รวมถึงการประชุมของกลุ่มOPEC ในเรื่องการประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน แนะนักลงทุนให้เทขายทำกำไร โดยมีแนวรับอยู่ที่ 445 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 460 จุด

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในปี 2552 นั้น หากสถานการณ์คลี่คลายทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ และปัจจัยภายใน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็กลับมา ภาพรวมตลาดน่าจะปรับดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในโลก และเศรษฐกิจไทย มาตรการการช่วยเหลือ ฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงปัจจัยการเมืองในประเทศด้วย

นายวิเชษฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน ตลท.กล่าวว่า หลังมีรัฐบาลใหม่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนในประเทศ เห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่มีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆที่นักลงทุนต่างชาติยังเทขายออกมาอยู่ มูลค่าการซื้อขายก็สูงถึง 2 หมื่นล้านบาท ซึ่โดยเป็นแรงซื้อของนักลงทุนไทยเป็นผู้นำตลาด จากที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อที่หนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีที่อาจจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มหันกลับมาซื้อ เพราะไม่อยากตกขบวน โดบผ่านมาให้มีการพบกับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ 2 ราย จากประเทศสิงคโปร์ มีมุมมองที่ดีกับประเทศไทยหลังจากที่ได้รัฐบาลใหม่ ทำให้มีความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากไม่อยากเสียโอกาส หรือตกขบวนหากตลาดปรับขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น