หุ้นไทยเตรียมฟื้นระยะสั้น หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน “สมัคร” พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลดความรุนแรงทางการเมือง แต่ต้องติดตามความชัดเจน พลังประชาชน-พรรคร่วมรัฐบาล ส่งใครนั่งเก้าอี้นายกฯคนใหม่ หาก “สมัคร” กลับมารับตำแหน่ง การเมืองป่วนต่อ โบรกฯ เชื่อ ตลาดหุ้นยังผันผวน ให้แนวรับที่ 655 จุด และแนวต้านที่ 670 จุด แนะเก็งกำไรจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ภาวะการลงทุนตลาดหุ้นไทยวานนี้ (9 ก.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยผันผวนตลอดทั้งวัน ในทิศทางปรับตัวลดลงจากนักลงทุนกังวลรอติดตามผลการตัดสินคดีนายกรัฐมนตรี ซึ่งในช่วงท้ายตลาดมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาจากศาลตัดสินให้ นายสมัคร สุนทรเวช ขาดคุณสมบัติดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลดัชนีปิดที่ระดับ 663.61 จุด ลดลง 2.05จุด หรือลดลง 0.31% ระหว่างวันดัชนีปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ระดับ 657.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 10,659.47 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 926.31 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 448.40 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 477.92 ล้านบาท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP กล่าวว่า จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีการตัดสินให้ นายสมัคร สุนทรเวช ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี จากการไปจัดรายการ ชิมไปบ่นไป นั้น ถือว่าจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากที่จะช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งจะต้องติดตามว่าพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอชื่อใครเข้าเป็นนายกรัฐมนตรี
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ ผันผวนตลอดทั้งวันโดยทิศทางที่ปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวลดลง และจากจากนักลงทุนกังวลการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินคดีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เรื่องคุณสมบัติจากการจัดรายการชิมไปบ่นไป ทำให้นักลงทุนมีแรงขายหุ้นออกมา
สำหรับนช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญแถลงคำวิฉัยออกมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนมากขึ้น และเมื่อศาลมีการผลตัดสินออกมาให้ นายสมัคร ขาดคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในช่วงท้ายตลาด ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ จากนักลงทุนคลายความกังวลความขัดแย้งทางการเมืองที่จะลดลงจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้ นายสมัคร ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เชื่อว่า ข่าวดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นได้ ซึ่งจะต้องติดตามว่าพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล จะเสนอใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป ซึ่งหากพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคพลังประชาชน มีการเสนอให้ นายสมัคร กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็จะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองยังคงมีเหมือนเดิม
“ผลการตัดสินดังกล่าวจะส่งดีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นเพียงสัปดาห์นี้เท่านั้น เพราะจะต้องติดตามดูความชัดเจนต่อไปว่าพรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลจะเสนอใครเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี และต้องติดตามท่าทีของกลุ่มพันธมิตรฯเช่นกัน” นายโกสินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ รับข่าวผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็จะต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงก็จะส่งผลกระทบ ทำให้นักลงทุนมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานออกมา จึงทำให้หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะไม่มากนัก โดยแนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ประเมินแนวรับที่ระดับ 653-655 จุด แนวต้านที่ระดับ 670-672 จุด
** ตลาดหุ้นยังอึมครึม
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี นักลงทุนได้ติดตามผลการพิจารณา และขณะที่ศาลมีการอ่านคำวินิจฉัยแนวโน้มที่จะให้ นายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ในช่วง 5 นาทีสุดของของการซื้อขายหุ้นนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้น เพื่อรับข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ทำให้ปิดตลาดดัชนีปิดลดลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ การที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็จะทำให้นักลงทุนยังคงรอดูความชัดเจนต่อไป และการที่ตลาดหุ้นไทยตอบรับข่าวดังกล่าวในช่วงท้ายตลาดไปแล้ววานนี้ จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยในวันนี้จะยังคงผันผวน เพราะรอติดตามข่าวสารต่างๆ ทั้งฝ่ายรัฐบาล และกลุ่มพันธมิตรฯ
นางสาวปองรัตน์ รัตนะตวณานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ เงียบเหงาทั้งวัน โดยปรับตัวอยู่ในแดนลบ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง เปิดตลาดดัชนีติดลบและรูดลงตลอดทั้งวัน และมีแรงช้อนซื้อขึ้นมาในช่วงท้ายก่อนปิดการซื้อขาย ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินให้นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
“แนวโน้มภาวะตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ คาดว่า การซื้อขายยังคงอยู่ในกรอบแคบๆ โดยให้แนวรับที่ 657 จุด แนวต้านที่ 670 จุด ควรจับตาทิศของทางสถานการณ์ทางการเมือง ภายหลังการพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร” นางสาวปองรัตน์ กล่าว
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ ยังผันผวน ตามตลาดในเอเชียที่ปรับตัวลดลง และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอน ภายหลังศาลมีการคำพิพากษา ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในทันที ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดีดกลับมาปิดที่ระดับ 663.61 จุด ลดลง 2.05 หรือคิดเป็น 0.31% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 10,659.47 ล้านบาท ซึ่งหุ้นที่การเคลื่อนไหวสูงสุด จะเป็นหุ้นในกลุ่มขนาดเล็กที่เทขายเพื่อเก็งกำไร และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์มีแรงช้อนซื้อเพื่อประคองราคา
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ภาพรวมยังลดลง โดยให้แนวรับที่ 655 แนวต้านที่ 680 จุด ปัจจัยที่มีผล คือ ทิศทางของตลาดในต่างประเทศ และแนวโน้มของสถานการณ์ทางการเมือง และหุ้นกลุ่มที่น่าลงทุนจะเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ควรจับหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่อาจได้รับอานิสงส์ หรือปรับตัวลดลง จากการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก Organization of Petroleum Exporting Countries (OPEC)