ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยเดินหน้าบวกต่อรับกลุ่ม “เพื่อนเนวิน” จับมือ 4 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมประกาศชัดสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พร้อมอุ้ม “อภิสิทธิ์” นั่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หนุนดัชนีบวกอีก 13.21 จุด ส่งผลให้ 2 วันดัชนีตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 30 จุด แม้นักลงทุนต่างชาติยังขายต่อเนื่องทั้งปีเฉียด 1.6 แสนล้านบาทแล้ว ด้านโบรกเกอร์ เตื่อนตลาดหุ้นทรุดหลุด 400 จุด หากการเมืองพลิกขั้ว ด้านธปท.ไฟเขียวตลาดเงินตลาดทุนหยุดยาวปีใหม่ตามราชการ
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย วานนี้ (9 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ราคาปิดครั้งก่อนตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า หลังจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในช่วงบ่าย จาก ส.ส.ในกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ และพรรคร่วมรัฐบาลเดิมประกาศชัดเจนที่จะร่วมสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวก มีจุดต่ำสุดที่ 409.76 จุด สูงสุดที่ 425.57 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 423.79 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 13.21 จุด หรือคิดเป็น 3.22% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 21,550.20 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 วันจากกรณีที่มีข่าวการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 30.92 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิ 1,508.08 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3,554.10 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,046.02 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้น ธ.ค. นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ 9,556.00 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 51 จำนวน 159,866.82 ล้านบาท
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวในแดนบวกตลอดวัน จากสถานการณ์ทางการเมืองดูเหมือนเริ่มคลี่คลาย ภายหลังจากแกนนำจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และกลุ่มเพื่อนเนวิน ออกมาประกาศสนับพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันทั่วหน้า หลังสภาคองเกรสของสหรัฐฯ อนุมัติเงินช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงการที่รัฐบาลจีนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่า 4 ล้านล้านหยวน
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.) คาดว่ายังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ตามปัจจัยการเมืองภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยควรจับตาผลการประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่
“หากนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ คนใหม่ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และไม่มีข่าวร้ายจากปัจจัยต่างประเทศ ดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 450 จุด แต่หากมีการพลิกขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลในโค้งสุดท้าย ดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวร่วงต่ำกว่า 400 จุด ทั้งนี้ได้ประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 410 จุด แนวต้าน 440 จุด”
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงในช่วงบ่าย จากการที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้แถลงจุดยืนที่จะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยกรอบแนวต้านรอบใหม่ประเมินไว้ที่ระดับ 440 จุด ซึ่งปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นใกล้เคียงระดับดังกล่าว ทำให้ต้องระวังแรงเทขายทำกำไร
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (KGI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นเหนือกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค จากความชัดเจนทางการเมืองที่เป็นแรงผลักดันให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาในตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ขณะที่แนวโน้มวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ดัชนีอาจจะมีความเสียงจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะต้องระวังแรงเทขายกำไรระยะสั้น เนื่องจากดัชนีเข้าสู่แนวต้านสำคัญที่ระดับประมาณ 420-430 จุด แต่ภาพรวมของตลาดยังมีแรงผลักขึ้นไปต่อได้
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ รับข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี บวกกับปัจจัยต่างประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากรัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติแผนช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ และรัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันที่ 11 ธ.ค.นั้น คาดว่าจะยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ตามทิศทางการเมืองที่เริ่มชัดเจน ดังนั้นนักลงทุนควรจับตาผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์หรือไม่ รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแนวรับที่ 410 จุด และแนวต้านที่ 433 จุด
สั่งแบงก์-ตลาดหุ้นหยุดยาวปีใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้วันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2552 เป็นวันหยุดราชการนั้น ธปท.เห็นว่าควรให้ภาคธุรกิจการเงินของประเทศทั้งธนาคารพาณิชย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันหยุดยาวเช่นเดียวกัน จากเดิมที่ก่อนหน้านี้การประกาศวันหยุดของธนาคารพาณิชย์และตลาดหลักทรัพย์จะไม่หยุดเกิน 4 วันทำการติดกัน โดยนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธปท. ได้ลงนามเป็นที่เรียบร้อยและเตรียมประกาศอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย วานนี้ (9 ธ.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ราคาปิดครั้งก่อนตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า หลังจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และมีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่นในช่วงบ่าย จาก ส.ส.ในกลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบ และพรรคร่วมรัฐบาลเดิมประกาศชัดเจนที่จะร่วมสนับสนุนในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวก มีจุดต่ำสุดที่ 409.76 จุด สูงสุดที่ 425.57 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 423.79 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 13.21 จุด หรือคิดเป็น 3.22% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 21,550.20 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 วันจากกรณีที่มีข่าวการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นแล้ว 30.92 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิ 1,508.08 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 3,554.10 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,046.02 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้น ธ.ค. นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ 9,556.00 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปี 51 จำนวน 159,866.82 ล้านบาท
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ SYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวในแดนบวกตลอดวัน จากสถานการณ์ทางการเมืองดูเหมือนเริ่มคลี่คลาย ภายหลังจากแกนนำจากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และกลุ่มเพื่อนเนวิน ออกมาประกาศสนับพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันทั่วหน้า หลังสภาคองเกรสของสหรัฐฯ อนุมัติเงินช่วยเหลือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงการที่รัฐบาลจีนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่า 4 ล้านล้านหยวน
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดี (11 ธ.ค.) คาดว่ายังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ตามปัจจัยการเมืองภายในประเทศ และตลาดต่างประเทศ โดยควรจับตาผลการประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่
“หากนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นนายกฯ คนใหม่ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ และไม่มีข่าวร้ายจากปัจจัยต่างประเทศ ดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 450 จุด แต่หากมีการพลิกขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลในโค้งสุดท้าย ดัชนีตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวร่วงต่ำกว่า 400 จุด ทั้งนี้ได้ประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 410 จุด แนวต้าน 440 จุด”
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ธนชาต จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงในช่วงบ่าย จากการที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้แถลงจุดยืนที่จะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยกรอบแนวต้านรอบใหม่ประเมินไว้ที่ระดับ 440 จุด ซึ่งปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นใกล้เคียงระดับดังกล่าว ทำให้ต้องระวังแรงเทขายทำกำไร
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ ฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (KGI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้นเหนือกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค จากความชัดเจนทางการเมืองที่เป็นแรงผลักดันให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามาในตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ขณะที่แนวโน้มวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ดัชนีอาจจะมีความเสียงจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจจะต้องระวังแรงเทขายกำไรระยะสั้น เนื่องจากดัชนีเข้าสู่แนวต้านสำคัญที่ระดับประมาณ 420-430 จุด แต่ภาพรวมของตลาดยังมีแรงผลักขึ้นไปต่อได้
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่ทั้งกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ รับข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี บวกกับปัจจัยต่างประเทศเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากรัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติแผนช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ และรัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันที่ 11 ธ.ค.นั้น คาดว่าจะยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ตามทิศทางการเมืองที่เริ่มชัดเจน ดังนั้นนักลงทุนควรจับตาผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์หรือไม่ รวมถึงทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแนวรับที่ 410 จุด และแนวต้านที่ 433 จุด
สั่งแบงก์-ตลาดหุ้นหยุดยาวปีใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติให้วันศุกร์ที่ 2 มกราคม 2552 เป็นวันหยุดราชการนั้น ธปท.เห็นว่าควรให้ภาคธุรกิจการเงินของประเทศทั้งธนาคารพาณิชย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันหยุดยาวเช่นเดียวกัน จากเดิมที่ก่อนหน้านี้การประกาศวันหยุดของธนาคารพาณิชย์และตลาดหลักทรัพย์จะไม่หยุดเกิน 4 วันทำการติดกัน โดยนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธปท. ได้ลงนามเป็นที่เรียบร้อยและเตรียมประกาศอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
