ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวสุดๆ หลังนายาฯ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ประกาศไม่ยุบสภา-ลาออก ส่งผลให้นักลงทุนหวั่นเป็นตัวจุดประกายให้เกิดการปฏิวัติและความรุนแรงยิ่งขึ้นแห่ทิ้งหุ้นไทยออกมาเป็นจำนวนมาก ด้านนักวิเคราะห์ แนะให้หยุดซื้อขายหุ้น-ถือเงินสด เพื่อรอท่าทีและกรอบการแก้ปัญหาของรัฐบาลก่อน ขณะที่รัฐบาลซ้ำเติมด้วยการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงต่อ
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (27 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน โดยในช่วงเช้าไปเคลื่อนไหวสลับระหว่างแดนบวกและแดนลบ ท่ามกลางนักลงทุนที่ลุ้นอย่างใจจดจ่อว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร หรือจะข้อขอเสนอของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกหรือไม่ แต่ในช่วงบ่ายดัชนีได้ปรับตัวลดลงอยู่ในแดนลบจนกระทั่งปิดการซื้อขาย จากข่าวลือการปลดผู้บัญชีการทหารบก และปฏิวัติ รวมถึงเรื่องของนายสมชาย ที่เดินหน้าต่อสู้ทางการเมืองต่อไป
โดยดัชนีได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 398.96 จุด ต่ำสุดที่ 388.56 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 389.81 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 5.41 จุด หรือคิดเป็น 1.37% มูลค่าการซื้อขายรวม 9,074.22 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ 87.39 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 156.69 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 244.08 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย บมจ.บ้านปู (BANPU) ราคาปิดที่ 174 บาท ลดลงจากวันก่อน 3 บาท หรือคิดเป็น 1.69% มูลค่าการซื้อขาย 1,376.89 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 85 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,280.79 ล้านบาท และบมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 140 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 2.10% มูลค่าการซื้อขาย 1,020.47 ล้านบาท
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ แกว่งตัวลงตลอดวันจากปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยังอึมครึม หลังจากนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงสวัสดิ์ ประกาศไม่ลาออกและยุบสภา ส่งผลต่อความเชื่อมันของนักลงทุน ทำให้นักลงทุนประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะยืดเยื้อจึงได้เทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะยังคงผันผวน โดยนักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด รวมถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรี จากการประกาศใช้พระราชบัญญัติในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.) หรือไม่ ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 380 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 396-400 จุด
นายมงคล พ่วงเกดรา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์อาวุโส บล.แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวสวนทางกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวในแดนบวก จากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ระอุ หลังการแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งและไม่ยุบสภา ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆเข้าสู่ทางตัน
สำหรับตลาดหลักทรัพย์วันนี้ ยังปรับตัวขึ้นลง ตามทิศทางการเมืองในประเทศเป็นหลัก โดยควรติดตามทิศทางของปัญหาว่าจะจบลงแบบใด ส่วนปัจจัยต่างประเทศในช่วงนี้ไม่ค่อยมีผลต่อตลาดหุ้นไทย ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุน ซึ่งมองแนวรับรับที่ 380 จุด และแนวต้านที่ 400 จุด
ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงตามสถานการณ์การเมือง ภายหลังนายสมชาย ประกาศไม่ทำตามคำแนะนำที่ให้ยุบสภาของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ ตลอดจนจะไม่มีการลาออก ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติต่างเทขายหุ้นไทยออกมาตลอดทั้งวัน
“วันนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงซบเซา จากความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่อปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยังมืดมน แต่นักลงทุนควรจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารกลางแห่งประเทศ (ธปท.) ที่จะออกมา ดังนั้นนักลงทุนควรจะหยุดลงทุน และถือเงินสด ประเมินแนวรับไว้ที่ 380 จุด แนวต้าน 400 จุด”
ขณะที่นักวิเคราะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงและมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา จากความวิตกเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีความขัดแย้งรุนแรงและไม่มีท่าทีจะได้ข้อยุติ หลังจากนายกฯ ประกาศเดินหน้าทางการเมืองต่อ และปฏิเสธข้อเสนอของพล.อ.อนุพงษ์ ที่ต้องการให้ประกาศยุบสภา
ขณะเดียวกันนักลงทุนจะต้องติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ โดยคาดว่ามีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 0.25-0.5% จากปัจจุบันที่ 3.75% ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงแคบๆ เนื่องจาก นักลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่า ธปท.อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระยะยาวให้ทยอยเข้ามาเก็บหุ้นในกลุ่มที่มีผลผลประกอบการดี และเป็นกลุ่มหลักทรัพย์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก และสถานการณ์การเมือง ส่วนระยะสั้นมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนที่สนใจแนะนำแค่เก็งกำไรเท่านั้น โดยประเมินแนวรับที่ 380 จุด และแนวต้านที่ 400 จุด
“ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้รับปัจจัยลบจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งคาดว่าจะทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจและเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก และส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดตัวต่อเนื่อง”
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (27 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน โดยในช่วงเช้าไปเคลื่อนไหวสลับระหว่างแดนบวกและแดนลบ ท่ามกลางนักลงทุนที่ลุ้นอย่างใจจดจ่อว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะตัดสินใจทางการเมืองอย่างไร หรือจะข้อขอเสนอของพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกหรือไม่ แต่ในช่วงบ่ายดัชนีได้ปรับตัวลดลงอยู่ในแดนลบจนกระทั่งปิดการซื้อขาย จากข่าวลือการปลดผู้บัญชีการทหารบก และปฏิวัติ รวมถึงเรื่องของนายสมชาย ที่เดินหน้าต่อสู้ทางการเมืองต่อไป
โดยดัชนีได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 398.96 จุด ต่ำสุดที่ 388.56 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 389.81 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 5.41 จุด หรือคิดเป็น 1.37% มูลค่าการซื้อขายรวม 9,074.22 ล้านบาท ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ 87.39 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 156.69 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 244.08 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย บมจ.บ้านปู (BANPU) ราคาปิดที่ 174 บาท ลดลงจากวันก่อน 3 บาท หรือคิดเป็น 1.69% มูลค่าการซื้อขาย 1,376.89 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 85 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,280.79 ล้านบาท และบมจ.ปตท. (PTT) ปิดที่ 140 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 2.10% มูลค่าการซื้อขาย 1,020.47 ล้านบาท
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ แกว่งตัวลงตลอดวันจากปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยังอึมครึม หลังจากนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงสวัสดิ์ ประกาศไม่ลาออกและยุบสภา ส่งผลต่อความเชื่อมันของนักลงทุน ทำให้นักลงทุนประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอาจจะยืดเยื้อจึงได้เทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะยังคงผันผวน โดยนักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด รวมถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรี จากการประกาศใช้พระราชบัญญัติในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.) หรือไม่ ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 380 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 396-400 จุด
นายมงคล พ่วงเกดรา เจ้าหน้าที่วิเคราะห์อาวุโส บล.แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวสวนทางกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวในแดนบวก จากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ระอุ หลังการแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งและไม่ยุบสภา ซึ่งทำให้ปัญหาต่างๆเข้าสู่ทางตัน
สำหรับตลาดหลักทรัพย์วันนี้ ยังปรับตัวขึ้นลง ตามทิศทางการเมืองในประเทศเป็นหลัก โดยควรติดตามทิศทางของปัญหาว่าจะจบลงแบบใด ส่วนปัจจัยต่างประเทศในช่วงนี้ไม่ค่อยมีผลต่อตลาดหุ้นไทย ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการลงทุน ซึ่งมองแนวรับรับที่ 380 จุด และแนวต้านที่ 400 จุด
ด้านนายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงตามสถานการณ์การเมือง ภายหลังนายสมชาย ประกาศไม่ทำตามคำแนะนำที่ให้ยุบสภาของพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ ตลอดจนจะไม่มีการลาออก ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติต่างเทขายหุ้นไทยออกมาตลอดทั้งวัน
“วันนี้ตลาดหุ้นไทยยังคงซบเซา จากความไม่มั่นใจของนักลงทุนต่อปัญหาการเมืองภายในประเทศที่ยังมืดมน แต่นักลงทุนควรจับตาการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารกลางแห่งประเทศ (ธปท.) ที่จะออกมา ดังนั้นนักลงทุนควรจะหยุดลงทุน และถือเงินสด ประเมินแนวรับไว้ที่ 380 จุด แนวต้าน 400 จุด”
ขณะที่นักวิเคราะห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงและมูลค่าการซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา จากความวิตกเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีความขัดแย้งรุนแรงและไม่มีท่าทีจะได้ข้อยุติ หลังจากนายกฯ ประกาศเดินหน้าทางการเมืองต่อ และปฏิเสธข้อเสนอของพล.อ.อนุพงษ์ ที่ต้องการให้ประกาศยุบสภา
ขณะเดียวกันนักลงทุนจะต้องติดตามผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ โดยคาดว่ามีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยลงประมาณ 0.25-0.5% จากปัจจุบันที่ 3.75% ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงแคบๆ เนื่องจาก นักลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่า ธปท.อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระยะยาวให้ทยอยเข้ามาเก็บหุ้นในกลุ่มที่มีผลผลประกอบการดี และเป็นกลุ่มหลักทรัพย์ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก และสถานการณ์การเมือง ส่วนระยะสั้นมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนที่สนใจแนะนำแค่เก็งกำไรเท่านั้น โดยประเมินแนวรับที่ 380 จุด และแนวต้านที่ 400 จุด
“ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะได้รับปัจจัยลบจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ซึ่งคาดว่าจะทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจและเทขายหุ้นออกมาอย่างหนัก และส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทรุดตัวต่อเนื่อง”