ผู้จัดการรายวัน – นักลงทุนต่างชาติแห่งทิ้งหุ้นไทยไม่หยุด ยอดขายสุทธิตั้งแต่ต้นปีทะลุ 1.4 แสนล้านบาท เพื่อขนเงินสดไว้เสริมสภาพคล่องภายในประเทศ นายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างชาติ เผยฝรั่งทิ้งหุ้นไทยหนักติดอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากไต้หวัน-เกาหลีใต้ พร้อมปลอบขวัญนักลงทุนดัชนีไม่น่าหลุด 350 จุด ก่อนจะดีดกลับ 450 จุดในช่วงปลายปีนี้ ด้านโบรกเกอร์ แนะนักลงทุนหยุดซื้อขายรอผลการแก้ปัญหาวิกฤตการเงินและทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนักวานนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างกังวลถึงวิกฤตสถาบันการเงินที่ลุกลามจนส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในขณะนี้ จนกระทั้งในช่วงบ่ายของการซื้อขายดัชนีได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องประกาศหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) เป็นเวลา 30 นาที
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีจุดสูงสุดที่ 424.88 จุด ก่อนจะเจอแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องกดดันให้ดัชนีต่ำกว่า 10% และต้องหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวเมื่อเวลา 16.04 น. แต่หลังจากเปิดตลาดอีกครั้ง ดัชนียังคงปรับตัวลดลงต่อและปิดที่ระดับต่ำสุด 387.43 จุด ลดลงจากวันก่อน 45.44 จุด หรือ 10.50% มูลค่าการซื้อขายรวม 11,786.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นไทยออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดขายสุทธิสูงถึง 2,212.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 48.74 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,261.71 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมรวมทั้งสิ้น 16,156.97 ล้านบาท และยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 51 ทะลุ 141,371.56 ล้านบาท
***ฝรั่งทิ้งหุ้นไทยอันดับ3 ของภูมิภาค
มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรงถึง 10% จนต้อง หยุดพักการซื้อขายชั่วคราวเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน เพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากประเทศไต้หวันและเกาหลีใต้ เพราะกองทุนรวมถึงนักลงทุนต่างชาติต้องเทขายสินทรัพย์ทุกชนิดในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่เพื่อดึงเงินสดรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน เพราะในภาวะขาดความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกต่างพากันไถ่ถอนหน่วยลงทุน
“ประเทศที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องต่างต้องสำรองเงินสด ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ซาอุดิอาระเบีย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน หรือแรงขายที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องจากกองทุนในสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาตั้งแต่จุดเริ่มต้นวิกฤตที่เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลาย ทำให้แรงขายมีออกมาทั่วโลก และกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงทำสถิติต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง”
***หวังสิ้นปีดัชนีดีดกลับที่ 450 จุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวรอบใหญ่หลังปรับลงแรง โดยคาดว่าน่าจะเกิดรีบาวน์ทางเทคนิคที่บริเวณ 350 จุด อีกทั้งหากมีข่าวดีเกี่ยวกับการกระตุ้นภาคการเงินเข้ามา โดยเฉพาะการมุ่งเข้าแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแท้จริงในปัญหาตลาดจำนอง ปัญหาตลาดสินเชื่อ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตซับไพรม์ และทางการสหรัฐฯ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่สองอย่างทันท่วงที เชื่อว่าจะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นได้ และตลาดหุ้นไทยน่าจะรีบาวน์ได้ประมาณ 100 จุด ซึ่งปลายปีนี้ดัชนีฯ น่าจะกลับไปอยู่ที่บริเวณ 450 จุดอีกครั้ง
***แนะเลือกหุ้นพื้นฐานลงทุนยาว***
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งลงอย่างแรงไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ช่วงถดถอย อีกทั้งตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ที่กำลังจะประกาศออกมาในวันที่ (30 ต.ค.) ที่แนวโน้มอาจจะติดลบประมาณ 1.5% รวมอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ปัญหาการเมืองภายในประเทศยังคงร้อนระอุ และกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารตลอดทั้งวัน ภายหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตรออกมาพูดผ่านสื่อต่างประเทศ
“แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะยังคงผันผวน และให้จับตาทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยแนะนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเกิน 1 ปี ให้ทยอยเก็บหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพื่อหวังผลตอบจากเงินปัน ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 380 จุด และแนวต้านที่ 400 จุด” นางสาวจิตรา กล่าว
***จับตาผลการประชุมเฟด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ร่วงลงตามทิศทางตลาดในต่างประเทศ โดยช่วงชั่วโมงท้ายตลาดร่วงลงจนทำเซอร์กิต เบรกเกอร์ และหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นยังคงร่วงลงต่อจนปิดตลาด
สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงแกว่งตัวลง และให้จับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย แนะนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับที่ 360-370 จุด และแนวต้านที่ 400-405 จุด
ด้านนายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะยังคงผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการซื้อขาย และถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 370 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 400 จุด
ขณะที่นายปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์อาวุโส บล.ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลง ตามทิศทางของตลาดหุ้นในสหรัฐฯ และความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังอยู่ในช่วงถดถอย ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงผันผวน ตามตลาดต่างประเทศ แนะนักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้ปรับตัวลดลงอย่างหนักวานนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างกังวลถึงวิกฤตสถาบันการเงินที่ลุกลามจนส่งผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในขณะนี้ จนกระทั้งในช่วงบ่ายของการซื้อขายดัชนีได้ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องประกาศหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว (เซอร์กิตเบรกเกอร์) เป็นเวลา 30 นาที
โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน มีจุดสูงสุดที่ 424.88 จุด ก่อนจะเจอแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติที่มีออกมาอย่างต่อเนื่องกดดันให้ดัชนีต่ำกว่า 10% และต้องหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวเมื่อเวลา 16.04 น. แต่หลังจากเปิดตลาดอีกครั้ง ดัชนียังคงปรับตัวลดลงต่อและปิดที่ระดับต่ำสุด 387.43 จุด ลดลงจากวันก่อน 45.44 จุด หรือ 10.50% มูลค่าการซื้อขายรวม 11,786.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นไทยออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดขายสุทธิสูงถึง 2,212.97 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 48.74 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 2,261.71 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมรวมทั้งสิ้น 16,156.97 ล้านบาท และยอดขายสะสมตั้งแต่ต้นปี 51 ทะลุ 141,371.56 ล้านบาท
***ฝรั่งทิ้งหุ้นไทยอันดับ3 ของภูมิภาค
มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรงถึง 10% จนต้อง หยุดพักการซื้อขายชั่วคราวเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน เพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย รองจากประเทศไต้หวันและเกาหลีใต้ เพราะกองทุนรวมถึงนักลงทุนต่างชาติต้องเทขายสินทรัพย์ทุกชนิดในตลาดทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่เพื่อดึงเงินสดรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน เพราะในภาวะขาดความเชื่อมั่นนักลงทุนทั่วโลกต่างพากันไถ่ถอนหน่วยลงทุน
“ประเทศที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องต่างต้องสำรองเงินสด ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ ซาอุดิอาระเบีย ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงิน หรือแรงขายที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องจากกองทุนในสหรัฐฯ ที่ประสบปัญหาตั้งแต่จุดเริ่มต้นวิกฤตที่เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลาย ทำให้แรงขายมีออกมาทั่วโลก และกดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงทำสถิติต่ำสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง”
***หวังสิ้นปีดัชนีดีดกลับที่ 450 จุด
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวรอบใหญ่หลังปรับลงแรง โดยคาดว่าน่าจะเกิดรีบาวน์ทางเทคนิคที่บริเวณ 350 จุด อีกทั้งหากมีข่าวดีเกี่ยวกับการกระตุ้นภาคการเงินเข้ามา โดยเฉพาะการมุ่งเข้าแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแท้จริงในปัญหาตลาดจำนอง ปัญหาตลาดสินเชื่อ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตซับไพรม์ และทางการสหรัฐฯ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่สองอย่างทันท่วงที เชื่อว่าจะสนับสนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นได้ และตลาดหุ้นไทยน่าจะรีบาวน์ได้ประมาณ 100 จุด ซึ่งปลายปีนี้ดัชนีฯ น่าจะกลับไปอยู่ที่บริเวณ 450 จุดอีกครั้ง
***แนะเลือกหุ้นพื้นฐานลงทุนยาว***
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยดิ่งลงอย่างแรงไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ช่วงถดถอย อีกทั้งตัวเลขจีดีพีของสหรัฐฯ ที่กำลังจะประกาศออกมาในวันที่ (30 ต.ค.) ที่แนวโน้มอาจจะติดลบประมาณ 1.5% รวมอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ปัญหาการเมืองภายในประเทศยังคงร้อนระอุ และกระแสข่าวการปฏิวัติรัฐประหารตลอดทั้งวัน ภายหลังจากที่นายทักษิณ ชินวัตรออกมาพูดผ่านสื่อต่างประเทศ
“แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้จะยังคงผันผวน และให้จับตาทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยแนะนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวเกิน 1 ปี ให้ทยอยเก็บหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เพื่อหวังผลตอบจากเงินปัน ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 380 จุด และแนวต้านที่ 400 จุด” นางสาวจิตรา กล่าว
***จับตาผลการประชุมเฟด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ร่วงลงตามทิศทางตลาดในต่างประเทศ โดยช่วงชั่วโมงท้ายตลาดร่วงลงจนทำเซอร์กิต เบรกเกอร์ และหยุดการซื้อขายเป็นเวลา 30 นาที หลังจากนั้นยังคงร่วงลงต่อจนปิดตลาด
สำหรับดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงแกว่งตัวลง และให้จับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย แนะนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไป เพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับที่ 360-370 จุด และแนวต้านที่ 400-405 จุด
ด้านนายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะยังคงผันผวนตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ดังนั้นนักลงทุนควรชะลอการซื้อขาย และถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 370 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 400 จุด
ขณะที่นายปรเมศร์ ทองบัว นักวิเคราะห์อาวุโส บล.ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลง ตามทิศทางของตลาดหุ้นในสหรัฐฯ และความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังอยู่ในช่วงถดถอย ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงผันผวน ตามตลาดต่างประเทศ แนะนักลงทุนชะลอการลงทุนออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์