xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.เดินหน้าสอบ SECC เอาผิดผู้บริหาร เร่ง TSFC เพิ่มทุนกว่า 200 ล.ป้องกันเสี่ยง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก.ล.ต.ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบกรณี SECC ที่ขณะนี้อยู่ในช่วงรวบรวมข้อมูลหลักฐานเตรียมเอาผิดกรรมการผู้บริหาร หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตครั้งนี้ ขณะที่ “ไพบูลย์” เผย การตรวจสอบทรัพย์สินเบื้องต้นคาดรถยนต์เกือบ 500 คันหายไป มูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท หรือ 60% ของสินทรัพย์รวม และเร่งตรวจสอบเงินสดและสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ ด้าน TSFC ได้ดำเนินการป้องกันความเสี่ยงหุ้นในพอร์ตแล้วประมาณ 95% ตามคำสั่งของ ก.ล.ต.จนกว่าจะเพิ่มทุนได้ที่ประมาณ 200 ล้านบาท

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีของ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC ว่า ทาง ก.ล.ต.กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการตามหลักกฏหมายในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่จะเอาผิดกับกรรมการผู้บริหารของบริษัทหากมีส่วนเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ คณะกรรมการได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทุกรายการของบริษัทอย่างละอียดและทาง ก.ล.ต.ก็อยู่ในช่วงการตรวจสอบข้อมูล และรวบรวมข้อมูลหลักฐานต่างๆ ในการดำเนินการ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้งการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต้องดำเนินไปอย่างรอบคอบและรัดกุม ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่บทสรุปทุกอย่างจะออกมาได้

อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คณะกรรมการทั้งในบริษัท SECC และบริษัทย่อยจะต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนของการทุจริต หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะมีบทลงโทษโดยการจำคุก 5 ปีขึ้นไป และปรับ 2 เท่าตามความเสียหาย ตามกฏหมายใหม่มาตรา 89/7 ที่ได้บัญญัติไว้

ด้าน นายไพบูลย์ สุขสุธรรมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC แจ้งผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวานนี้ ว่า บริษัทได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินทุกรายการของบริษัท ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ ได้หลบหนีออกนอกประเทศนั้น คณะทำงานได้แต่งตั้งให้พนักงานของบริษัท ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละฝ่ายเป็นผู้ทำการตรวจสอบทรัพย์สินเบื้องต้นของบริษัท ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทได้รับรายงานว่า คาดว่า มีรถยนต์จำนวน 476 คัน ได้สูญหายไปจากคลังสินค้าของบริษัท และมีจำนวนอีก 5 คัน ที่ถูกเจ้าหนี้ส่วนตัวของ นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ยึดเอาไปจากโชว์รูมของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบในเชิงลึก ว่า รถยนต์จำนวนดังกล่าว ได้หายไปจากคลังสินค้าได้อย่างไร และดำเนินการติดตามเอารถยนต์ที่หายไปกลับคืนมาต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหาย จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าคิดเป็นมูลค่า 1,358,372,103.14 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 60 ของสินทรัพย์รวม ( สินทรัพย์รวม ณ กันยายน 2551 มูลค่ารวม 2,252,333,000 บาท)

ส่วนทรัพย์สินที่เป็นเงินสดและทรัพย์สินอื่นๆ ของบริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งบริษัทจะรายงานให้ทราบต่อไป และจะรายงานความคืบหน้าของการตรวจสอบดังกล่าวต่อไป

นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงกรณีการได้รับแจ้งว่า มีรถสูญหายเกือบ 500 คัน ในเบื้องต้นทางตลาดหลักทรัพย์ได้รับทราบข้อมูลไว้ แต่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากได้มอบหมายหน้าที่ให้กับทาง ก.ล.ต. เป็นผู้ตรวจสอบ ซึ่งเป็นการตรวจสอบเชิงลึก ในการสำรวจงบการเงินในแง่สินทรัพย์ หนี้สิน เงินกู้ เมื่อสรุปผลออกมาได้แล้วทางตลท. จึงดำเนินการพิจารณาสถานะของบริษัท SECC อีกครั้งหนึ่ง

นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยถึงกรณีการเพิ่มทุนของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC) ที่ตอนนี้อยู่ระหว่างการเพิ่มทุน และจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ เพื่อพิจารณาถึงแผนเพิ่มทุนงวดแรกประมาณ 200 ล้านบาท

ทั้งนี้ TSFC ได้ดำเนินการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) หุ้นในพอร์ตแล้วประมาณ 95% ตามคำสั่งของ ก.ล.ต.จนกว่าจะเพิ่มทุนได้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงของบริษัท ซึ่งตรงนี้จะทำให้บริษัทไม่เสียหายมากจนเกินไป

อย่างไรก็ตาม ก.ล.ต.จะเปิดโอกาสให้ TSFC ดำเนินการเพิ่มทุนดังกล่าวได้จนถึงวันที่ 11 ธันวาคมนี้ ซึ่งหากกระทรวงการคลังและตลาดหลักทรัพย์ไม่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ TSFC ก็จำเป็นที่จะต้องหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ แต่หากการเพิ่มทุนดังกล่าวไม่เป็นผลสำเร็จ ทาง ก.ล.ต.ก็จะส่งเรื่องเข้าบอร์ดให้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น