โบรกฯ เผย นักลงทุนโล่งใจ-ตีปีกขานรับ “อวสานพลังประชาชน” หลังศาลสั่งยุบ 3 พรรครวด พร้อมเพิกถอนสิทธิกรรมการ 5 ปี ถีบส่ง “สมชาย” กระเด็นตกเก้าอี้โดยปริยาย เผย ตลาดหุ้นยังเสี่ยงสูง เพราะภาวะเศรษฐกิจของประเทศยังมีความเสี่ยงต่อการถดถอยลง หวั่นม็อบเสื้อแดงต่อต้านคำสั่งศาลป่วนเมือง แนะขายเมื่อดัชนีปรับเพิ่มขึ้น แนวรับ 380 จุด แนวต้าน 420 จุด
วันนี้ (2 ธ.ค.) นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ช่วงเช้าเคลื่อนไหวผันผวน โดยปรับลดลงแรงในช่วงเปิดการซื้อขายตามทิศทางจากดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับลงหนักกว่า 600 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากข้อมูลของสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2550 โดยเศรษฐกิจยุติการขยายตัวที่ดำเนินมานาน 73 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายการซื้อขายภาคเช้า เริ่มมีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาหลังจากที่การแถลงปิดคดียุบพรรคทั้ง 3 พรรค คือ พรรคพลังประชาชน พรรคมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งฟังผลรอคำวินิจฉัยทันที และในที่สุด ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งยุบพรรคพลังประชาชนพร้อมเพิกถอนสิทธิ กรรมการบริหารพรรค 5 ปี ซึ่งตลาดหุ้นได้สะท้อนผลตอบรับในเชิงบวก โดยดัชนีปรับเพิ่มขึ้นแดนบวกทันที โดยมีมุมมองว่า การยุติบทบาทแกนนำรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน เชื่อว่า จะเป็นทางออกของปัญหาการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้
การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติสั่งยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรค ซึ่งมีผลให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย และเมื่อ นายสมชาย พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็จะส่งผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะ ต้องพ้นจากตำแหน่งตามไปโดยปริยาย
ทั้งนี้ การยุติการบริหารประเทศของรัฐบาลภายใต้การนำของ นายสมชาย ผู้ที่เป็นน้องเขยของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจช่วยคลายความตึงเครียดทางการเมืองที่เดิมอยู่ในภาวะตีบตันไร้ทางออก ซึ่งน่าจะทำให้การชุมนุมเพื่อต่อต้านรัฐบาลทายาทอสูรกระหายเลือดผ่อนคลายลงได้ระยะหนึ่ง เพื่อประเมินสถานการณ์
ส่วนการตัดสินยุบพรรค พรรคมัชฌิมาธิปไตย และ พรรคชาติไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อาจทำให้เสียงข้างมากในการเป็นรัฐบาลไม่เพียงพอ จึงอาจนำไปสู่การยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อสเนอทางเลือกใหม่ที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตาว่าอาจมีกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านคำสั่งศาลหรือไม่ ซึ่งเพราะอาจทำให้การชุมนุมทางการเมือง ยังมีแรงกระเพื่อมและเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก และจะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยง
