xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ทำพิลึก! ใช้ ฮ.โปรยใบปลิวเจรจาผ่านอากาศสร้างภาพความปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ย้ำชัด แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะแถลงยุบ “พลังประชาชน-ชาติไทย-มัชฌิมา” หรือไม่ พันธมิตรฯ ต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ไม่ใช่จะหยุดทันที เพราะรัฐบาลอาจนำคนที่เป็นสายพันธุ์เดิมภายใต้ “ระบอบทักษิณ” มาสืบทอดเหลือบทายาทอสูรเป็นนายกรัฐมนตรีคืนชีพอีกครั้ง ขณะที่ สตช.มาแปลกใช้เฮลิคอปเตอร์บินว่อนทั่วสุวรรณภูมิ โปรยใบปลิวขอความร่วมมือให้ชุมนุมอย่างสงบ


วันนี้ (1 ธ.ค.) นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพันธมิตรฯได้ประชุมกันเพื่อย้ายผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบรัฐบาลไปสมทบที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง โดยไม่ให้มีพันธมิตรฯชุมนุมค้างคืนที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ให้เดินทางไป-กลับแทน เนื่องจากเกิดระเบิดบ่อยครั้ง ทำให้เป็นห่วงในความปลอดภัยต่อผู้ชุมนุม ว่า ตนไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับแกนนำทั้งหมด เพราะติดภารกิจสำคัญที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ได้รับแจ้งจากแกนนำ ว่า มีมติดังกล่าว ซึ่งพันธมิตรฯจะใช้เวลา 2-3 วัน ให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มารับคืนพื้นที่ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีการตรวจรับพื้นที่ ซึ่งจะส่งการ์ดพันธมิตรฯ ไปเป็นพยานดูแลการตรวจรับ ซึ่งตนยอมรับว่าพื้นที่ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล อาจเละไปบ้าง แต่ด้านในไม่เลอะเท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม พื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นพื้นที่ที่มีทั้งหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชนตั้งอยู่ ซึ่งพันธมิตรฯต้องดูแลความปลอดภัย และในการป้องกันขโมยทรัพย์สิน ซึ่งเมื่อมีคนหมู่มากเข้ามา ก็ยิ่งต้องระวังมากขึ้น ซึ่งในช่วงเย็นนี้ทางกองทัพธรรมจะขนคนจากทำเนียบรัฐบาลมาเพิ่มที่สนามบินสุวรรณภูมิอีก 4 คนบัสใหญ่ ซึ่งเวทีที่สุวรรณภูมิจะเป็นเวทีใหญ่

นายศิริชัย กล่าวต่อไปว่า การเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมจากทำเนียบ เนื่องจากทำเนียบไม่มีความปลอดภัย ซึ่งเวทีปราศรัยถูกยิงระเบิดเข้ามา 3 ครั้ง บริเวณรอบนอกก็ถูกโจมตี ซึ่งเชื่อว่าหากอยู่ที่เดิมจะถูกถล่มอีกจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย แต่ในพื้นที่สุวรรณภูมิ เชื่อว่า คนที่จะก่อเหตุรุนแรงไม่กล้าเข้า ประกอบกับไม่มีอาคารรอบนอก ส่วนจะชุมนุมที่สุวรรณภูมินานหรือไม่ ไม่ใช่สาเหตุพิจารณาย้ายที่ แต่แกนนำดูเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดยเครื่องบินที่สุวรรณภูมิก็ขึ้นบินได้หมดแล้ว ประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นรอง

นายศิริชัย ยังกล่าวถึงการแถลงผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดียุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย ในวันพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) ว่า ศาลจะพิจารณายุบพรรคหรือไม่ ซึ่งทางพันธมิตรฯจะไม่โยงกับเรื่องการชุมนุมและจะไม่นำมาเป็นเงื่อนไขขับไล่รัฐบาล เพราะมองว่าแม้ว่าจะยุบพรรค แต่สมาชิกพรรคก็หาพรรคใหม่อยู่ได้ หรือไปก่อตั้งสร้างพรรคขึ้นมาใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรค พันธมิตรฯก็จะดูว่าจุดใดเหมาะสม ไม่ใช่จะสลายทันที จะต้องมีการพิจารณาดูการเคลื่อนไหวของรัฐบาลด้วย ไม่ใช่นำคนที่เป็นระบอบทักษิณมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือเปล่า

ส่วนความปลอดภัยในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ผ่านมา สนามบินมีพื้นที่กว้าง มีหลายประตูเข้า-ออก ซึ่งพันธมิตรฯต้องดูแลทุกจุดให้ดีที่สุด โดยสภาพโดยรวมพันธมิตรฯก็มีการให้การบินไทย บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่มาตั้งร้านในสนามบิน ให้เข้ามาดูสินค้าภายในร้านของตัวเองได้ ซึ่งจากการตรวจสอบก็ไม่มีอะไรสูญหาย แม้กระทั่ง ดิวตี้ฟรี ที่มีวางจำหน่ายสุราก็ไม่สูญหาย ส่วนเรื่องกระเป๋าผู้โดยสารที่มีข่าวถูกงัด พันธมิตรฯได้ตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือใคร เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานขโมยของผู้โดยสาร

“ยอมรับการเคลื่อนไหว ตลอดเวลา 190 วัน พันธมิตรฯก็ลากเลือดเหมือนกัน แต่มันเป็นเพราะเรามีรัฐบาลที่มันเลว ซึ่งการชุมนุมที่สุวรรณภูมิเป็นความจำเป็นต้องทำเพื่อประเทศ ซึ่งก็ได้รับแรงหนุนจากประชาชน” นายศิริชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.10 น.ได้มีเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 3 ลำ ได้บินมาโปรยใบปลิวในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเนื้อหาระบุว่า ประกาศขอความร่วมมือศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีความห่วงใย ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกท่านเป็นอย่างยิ่ง ทั้งกลุ่มประชาชนที่ชุมนุมอยู่ และประชาชนที่จะเดินทางไปมาบริเวณท่าอาการศยานสุวรรณภูมิ จึงขอความร่วมมือทุกท่าน ขอให้ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ สำหรับประชาชนที่ไม่มีความจำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางคมนาคมภายในสุวรรณภูมิและบริเวณใกล้เคียง

เจ้าหน้าที่ตำรวจขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีความประสงค์จะให้เกิดความรุนแรงภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจะพยายามใช้ความประนีประนอมอย่างที่สุด เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ขอขอบพระคุณในความร่วมมือของพี่น้องประชาชนทุกท่าน

ศูนย์อำนวยการเแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 ธ.ค.2551

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เนื่องจากขณะนี้สนามบินอู่ตะเภามีผู้โดยสารไปใช้บริการจำนวนมาก ทำให้อุปกรณ์ที่มีจำกัดไม่เพียงพอ จึงสั่งการให้ขนย้ายอุปกรณ์ เครื่องเอกซเรย์ของสุวรรณภูมิ จำนวน 4 เครื่อง คือ เครื่องเอกซเรย์สัมภาระ-กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง จำนวน 2 เครื่อง เครื่องตรวจวัตถุระเบิดแบบเดินทาง จำนวน 2 เครื่อง ไปติดตั้งที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้บริการผู้โดยสาร ซึ่งได้ขนย้ายออกจากสนามบินแล้ว คาดว่า จะถึงค่ำนี้ และจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในคืนนี้แน่นอน

ขณะเดียวกัน ในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิขณะนี้ ได้มีทหารบกจำนวน 30 นาย มาคอยดูแลอาคารสำนักงานการท่าอากาศยาน ซึ่งอยู่ระหว่างป้ายรันเวย์ โดยมีการวางรั้วลวดหนามกั้น








กำลังโหลดความคิดเห็น