โฆษก ปชป.ตอกหน้านายกฯ ไม่มีอำนาจตัดสินใจ โยนสภาแก้ รธน.อีกระลอก เรียกร้อง กมธ.ศึกษา รธน.ชะลอรายงานผล หวั่นเชื้อไฟปะทุ วิเคราะห์รัฐบาลอาการสาหัสเหตุโฉมหน้า ครม.ทายาทอสูร
วันนี้ (28 ก.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลกับแนวความคิดในการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองว่า ดูเหมือนว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่กล้าและไม่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องนี้ ในขณะที่มีความพยายามโยนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปที่รัฐสภา ซึ่งสอดรับกับการที่นายสุขุมพงษ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ที่ระบุว่าการตั้งคณะกรรมการอิสระดังกล่าวมีความกังวลในเรื่องของความไม่เป็นกลาง รวมทั้งจะให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 รีบเสนอรายงานในวันที่ 20 ต.ค.นี้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า สาเหตุของวิกฤตการเมืองในปัจจุบันเกิดจากความพยายามใช้เสียงข้างมากในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง ทั้งนี้ พรรคอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.ให้กระบวนการดำเนินการตาม กมธ.วิสามัญศึกษาฯ รัฐธรรมนูญ 2550 ชะลอการเสนอรายงานออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนว่าฝ่ายต่างๆ ในสังคมจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างไร 2.อยากให้ฝ่ายวิชาการและสื่อสารมวลชนเปิดเวทีสาธารณรับฟังแนวคิดการปฏิรูปการเมืองจากทุกฝ่าย และ 3.นายกฯ และรัฐบาลต้องส่งสัญญาณถึงความจริงใจในการยอมรับกระบวนการการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ในการปฏิรูปการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยการให้สัตยาบรรณว่าระหว่างที่มีกระบวนการต่างๆ เหล่านี้ ทางรัฐบาลและพรรคร่วมจะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ส่วนที่ ร.ท.กุเทพ ใส่กระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ออกมาระบุว่า การตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของพรรค แต่ทำเพื่อโควตาและส.ส.ของกลุ่ม และพาดพิงว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน อยู่เบื้องหลังการตั้ง ครม.นั้น นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ฟังไม่ขึ้น หากเป็นการยืนยันว่าไม่ได้คัดเลือกบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ การกระทำเหล่านี้เป็นการตอกย้ำความรู้สึกของประชาชน และเป็นการทำร้ายประเทศชาติเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้ ตนเห็นว่าสาเหตุสำคัญในการออกมาแสดงความเห็นเรื่องความแตกแยกภายในพรรคพลังประชาชน เพราะผิดหวังจากโควต้ารัฐมนตรี ดังนั้น พรรคอยากเรียกร้องให้นายสมชายแสดงภาวะความเป็นผู้นำ รวมทั้งแสดงความชัดเจนในการแถลงนโยบายว่าจะมีแนวทางในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันงบประมาณของรัฐบาลได้อย่างไร