นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงข้อเสนอของอธิการบดี 24 สถาบัน ให้ตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อปฏิรูปการเมืองว่า ดูเหมือน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ไม่กล้า และไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ และมีความพยายามโยนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปที่รัฐสภา ซึ่งสอดรับกับการที่ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า การตั้งคณะกรรมการอิสระดังกล่าวมีความกังวลในเรื่องของความไม่เป็นกลาง รวมทั้งจะให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2550 รีบเสนอรายงาน ในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สาเหตุของวิกฤตการเมืองในปัจจุบันเกิดจาก ความพยายามใช้เสียงข้างมากในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง ทั้งนี้ พรรคอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.ให้กระบวนการดำเนินการตามคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญ 2550 ชะลอการเสนอรายงานออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนว่า ฝ่ายต่าง ๆ ในสังคมจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างไร 2.อยากให้ฝ่ายวิชาการและสื่อสารมวลชนเปิดเวทีสาธารณะรับฟังแนวคิดการปฏิรูปการเมืองจากทุกฝ่าย และ 3.นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องส่งสัญญาณถึงความจริงใจในการยอมรับกระบวนการการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ในการปฏิรูปการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยการให้สัตยาบันว่า ระหว่างที่มีกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ ทางรัฐบาลและพรรคร่วมฯ จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลระบุว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรนั้น ถือเป็นการใช้เล่ห์กลตบตาประชาชน เพราะความสำเร็จของการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดได้หรือไม่เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภา ดังนั้น รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจประกาศให้ชัดเจนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการปฏิรูปการเมือง ไม่ใช่ทำเพื่อหลีกหนีคดียุบพรรคหรือหนีการตรวจสอบการทุจริตของผู้นำประเทศ ส่วนการที่อธิการบดี 24 สถาบัน เสนอทางออกการปฏิรูปการเมือง ทำให้บางฝ่ายเข้าใจผิดว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งความจริงไม่ใช่ เพราะการปฏิรูปการเมืองไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปการเมืองต้องทำทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่นักการเมืองหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐบาล คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญครังนี้
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สาเหตุของวิกฤตการเมืองในปัจจุบันเกิดจาก ความพยายามใช้เสียงข้างมากในการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง ทั้งนี้ พรรคอยากเรียกร้องไปยังรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.ให้กระบวนการดำเนินการตามคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญ 2550 ชะลอการเสนอรายงานออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนว่า ฝ่ายต่าง ๆ ในสังคมจะมีส่วนร่วมในการแก้ไขอย่างไร 2.อยากให้ฝ่ายวิชาการและสื่อสารมวลชนเปิดเวทีสาธารณะรับฟังแนวคิดการปฏิรูปการเมืองจากทุกฝ่าย และ 3.นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต้องส่งสัญญาณถึงความจริงใจในการยอมรับกระบวนการการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ในการปฏิรูปการเมืองและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โดยการให้สัตยาบันว่า ระหว่างที่มีกระบวนการต่าง ๆ เหล่านี้ ทางรัฐบาลและพรรคร่วมฯ จะไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ด้าน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเงา ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลระบุว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรนั้น ถือเป็นการใช้เล่ห์กลตบตาประชาชน เพราะความสำเร็จของการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดได้หรือไม่เป็นเรื่องของเสียงข้างมากในสภา ดังนั้น รัฐบาลต้องแสดงความจริงใจประกาศให้ชัดเจนว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการปฏิรูปการเมือง ไม่ใช่ทำเพื่อหลีกหนีคดียุบพรรคหรือหนีการตรวจสอบการทุจริตของผู้นำประเทศ ส่วนการที่อธิการบดี 24 สถาบัน เสนอทางออกการปฏิรูปการเมือง ทำให้บางฝ่ายเข้าใจผิดว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งความจริงไม่ใช่ เพราะการปฏิรูปการเมืองไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปฏิรูปการเมืองต้องทำทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่นักการเมืองหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐบาล คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญครังนี้