“พิภพ” เหลืออด ประกาศกร้าวจับมือ “ทุกสถาบัน” กำจัด “สมชาย” ให้สูญสิ้นไป หากเกิดเหตุทำร้าย-เข่นฆ่าผู้ชุมนุมซ้ำรอยเดิม พร้อมจี้ “สังคม” เร่งจัดการ “ทายาทอสูร” หวั่น ปชช.ลุกฮือขึ้นจับอาวุธเข้าต่อกรกับ “รัฐบาลทรราช” เพื่อแสดงสิทธิของตัวเองเพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง
วานนี้ (7 ต.ค.) นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธหนักเข้าสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ จนมีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมากว่า วันนี้เป็นวันที่เราเสียใจ และเศร้าใจ เพราะยึดแนวทางสันติและอหิงสามาโดยตลอด แต่กลับได้รับการตอบโต้จากคำสั่งของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โดยสั่งให้ตำรวจใช้อาวุธร้ายแรง ซึ่งไม่ได้เป็นชุดปราบจลาจลที่นานาชาติเขาใช้กัน และถึงจะใช้อาวุธปราบจลาจลก็ไม่เหมาะสม เพราะเราไม่ได้ก่อการจลาจลแต่อย่างใด ฉะนั้นการกระทำของนายสมชาย ในวันนี้จะทำลายหลักการความเชื่อเรื่องสันติวิธี และอหิงสาในสังคมไทย ซึ่งจะเป็นอันตรายมากที่สุด หากประชาชนถูกอำนาจรัฐใช้ความรุนแรงซ้ำสอง ฉะนั้นเราต้องเอานายสมชายมาเข้าคุกให้ได้ เพราะมีคำสั่งทำร้ายประชาชน
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากของสังคมไทย เหมือนกับในอดีตที่มีคนตายจำนวนมากในเหตุการณ์เดือนตุลา โดยประชาชนใช้สิทธิ์การชุมนุมอย่างสงบ และสันติ เพื่อคัดค้านการแถลงนโยบายของรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะเอาเงินภาษีของประชาชนไปทำการทุจริต แล้วนำไปเข้าพกเข้าห่อ ดังนั้น ที่เราไปขัดขวางที่สภาในวันนี้ก็เพื่อยับยั้งความเสียหายของประเทศที่เกิดจากรัฐบาลสมชาย” นายพิภพ กล่าว
ประชาชนที่นั่งชุมนุมอย่างสงบ และสันติ กลับถูกยิงด้วยแก๊สน้ำตาอย่างรุนแรงที่สุด ซึ่งไม่เคยพบเห็นมาก่อน ส่งผลให้ผู้ร่วมชุมนุมแขน และขาขาด รวมทั้งเสียชีวิต โดยไม่มีการแสดงความเสียใจแม้แต่นิดเดียวจากนายสมชาย ที่สำคัญ ส.ส.และ ส.ว.ออกมาคัดค้านเรื่องการแถลงนโยบายท่ามกลางกลิ่นคาวเลือด และควันปืน จึงไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง กลับถูกลากออกมาจากห้องประชุมโดยสมุนของพรรคพลังประชาชน
“เหตุการณ์ในช่วงเช้าซึ่งมีความรุนแรงมาก แต่นายสมชายกลับไม่มีความสำนึกที่ได้ออกคำสั่งให้ตำรวจปราบประชาชนอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ประชาชนนั่ง และยืนอยู่อย่างสงบ มิหนำซ้ำในช่วงเย็นยังใช้คำสั่งเดียวกันปราบประชาชนด้วยความรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่านายกฯ ฆาตกร แล้วจะให้เรียกว่าอะไร ดังนั้น ถ้าสังคมและสถาบันต่างๆ ต้องร่วมกันประณามนายสมชาย และตำรวจที่ใช้อาวุธร้ายแรงจนทำให้ให้มีคนขาขาด เพราะไม่เช่นนั้นสังคมไทยจะเกิดความรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากประชาชนจับอาวุธเพื่อแสดงสิทธิของตัวเอง” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ถ้าสังคมยังจัดการกับนายสมชาย ที่กระหายเลือดไม่ได้ ความรุนก็จะถูกแก้ไขด้วยความรุนแรง แล้วสังคมไทยจะสงบและมีสันติได้อย่างไร และถ้าเหตุการณ์รุนแรงเกิดซ้ำอีกครั้ง ตนไม่เชื่อว่าสังคมไทยจะไม่ใช้สันติวิธีตอบโต้กับความรุนแรงที่กระทำโดยรัฐอีกต่อไป จึงถือเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม เพราะระบอบประชาธิปไตยที่เน้นการมีส่วนร่วมของสังคม และมุ่งเน้นให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ จะหมดความหมายไปทันที
“ดังนั้น ทุกสถาบันที่มีอำนาจ และบารมีจะต้องช่วยกันยับยั้งไม่ให้สังคมไทยเข้าสู่วิถีของการใช้ความรุนแรง ไม่เช่นนั้นเราจะต้องสิ้นชาติอย่างแน่นอน ที่สำคัญหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาอีก สังคมไทยก็จำเป็นที่จะต้องจัดการนายสมชาย ให้สูญสิ้นไป นอกจากนี้กระบวนการยุติธรรม และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ต้องออกมาสอบสวนเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว”
นายพิภพ กล่าวอีกว่า ถึงเราจะเผชิญกับความทุกข์ยาก สูญเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เพื่อทำให้ประเทศไทยดีขึ้น แต่เราจะต้องมีกำลังใจ และยืนหยัดที่จะต้องสู้ต่อไป โดยเฉพาะบุคคลคนที่เสียแขน เขาบอกว่าแขนเป็นเพียงอวัยวะหนึ่งเท่านั้น แต่ใจเขายังคงยืนหยัดสู้เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนต่อไป