แบงก์เกียรตินาคิน เชื่อผลประชุม กนง.รอบ 3 ธ.ค.นี้ จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.25%ส่วนแบงก์พาณิชย์คงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่ด้านเงินฝากจะยังคงมีการแข่งขันต่อเนื่องแต่จะเป็นระยะยาวมากขึ้น ล่าสุดเตรียมร่วมงาน SET in The City ขนโปรโมชั่นเพียบ ชูผลตอบแทนสูง
นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ มองว่าที่ประชุมน่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.25% ซึ่งในตลาดก็มีการคาดการณ์กันว่าน่าจะมีการปรับลดอยู่ที่ 0.25-0.50% โดยในส่วนของธนาคารพาณิชย์ก็น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่จะเป็นการทยอยปรับลดลงทีละเล็กน้อย และจากภาวะที่สภาพคล่องในตลาดเริ่มลดลงนั้นจะทำให้การแข่งขันด้านเงินฝากยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยอัตราดอกเบี้ยก็จะมีการลดลง และการระดมเงินฝากจะเน้นในรูปแบบของระยะยาวมากขึ้น
ทั้งนี้ จากวิกฤตการเงินโลกในขณะนี้ก็คงจะส่งผลกระทบต่อไทยบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจไทยจะยังคงมีการขยายตัว แต่หากมี 6 มาตรการของภาครัฐเข้ามาช่วยก็จะทำให้เกิดการลงทุน ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก ส่วนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ก็จะยังทำได้แต่คงไม่มาก เนื่องจากต้องทำด้วยความระมัดระวังและการระดมเงินของธนาคารนั้นจะเน้นการระดมเงินในประเทศมากขึ้น
"ตอนนี้เราแนะนำให้ฝากเงินระยะยาวจะดีกว่า เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงมีอยู่ 1-2 ปี และที่แบงก์แข่งระดมเงินกันตอนนี้ไม่ใช่เพราะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องตรึงตัว แต่ระดมเงินฝากไว้เพื่อสำรองให้มากกว่าปกติในภาวะที่สภาพคล่องในระบบเริ่มลดลง ส่วนของแบงก์เกียรตินาคินที่ระดมเงินฝากอยู่ในขณะนี้เพื่อต้องการองรับการใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มกระจายลงมาสู่รายย่อยมากขึ้น ส่วนระยะเวลาในฝากที่เราเน้นจะตั้งแต่ 9 เดือนขึ้นไป หุ้นกู้ประมาณ 2-3 ปี ส่วนตั๋วแลกเงิน (บีอี) จะประมาณ 6-9 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งระยะเวลาของเงินที่ระดมนั้นจะให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อ"
สำหรับโครงสร้างเงินฝากและเงินกู้ยืมของธนาคารนั้น ปัจจุบันมีพอร์ตอยู่ที่ 94,000 ล้านบาท โดยเป็นบีอีเกือบ 20,000 ล้านบาท หรือ 21% หุ้นกู้ 12,600 ล้านบาท หรือ 13% ที่เหลือเป็นส่วนของเงินฝาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเงินฝากประจำ ส่วนเงินฝากออมทรัพย์ไม่ถึง 5% แต่ปีหน้ามีแผนจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ไม่เกิน 10% สำหรับสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากซึ่งรวมส่วนของหุ้นกู้และบีอีไว้ด้วยนั้นปัจจุบันอยู่ที่ 124%
นางสาวฐิตินันท์ กล่าวว่า ล่าสุดธนาคารได้ทำการเข้าร่วมงาน "SET in The City" ซึ่งจะจัดขึ้นระห่างวันที่ 20-23 พ.ย.นี้ ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยธนาคารได้จัดทำโปรโมชั่นดอกเบี้ยคุ้มค่า เงินฝากประจำ 24 เดือน ดอกเบี้ย 4.125%ต่อปี หรือเงินฝากประจำ 36 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี โดยเปิดรับเงินฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สำหรับเงินฝาก 500,000 บาท ขึ้นไป ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ซึ่งถือว่าผลตอบแทนอยู่ในเกณฑ์ที่ดีในภาวะดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง โดยธนาคารตั้งเป้าหมายว่าจะระดมเงินฝากได้ประมาณ 1,000 บัญชี นอกจากนี้หากลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับ บล.เกียรตินาคิน จะได้รับสิทธิพิเศษในการเปิดบัญชี KK Investor Savings Plus หรือเงินฝากออมทรัพย์เพื่อนักลงทุนและสมัครใช้บริการหักบัญชีอัตโนมัติ โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมการหักบัญชีอัตโนมัติ และจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราออมทรัพย์ปกติ
นอกจากนี้ที่พิเศษในงานลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 1% จากเดิม 2.50% เป็น 3.50% โดยเริ่มฝากที่ 10,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีประมาณ 1,000 บัญชี
นอกจากนี้ยังได้นำระบบ KK Fund Mart รวบรวมกองทุนต่าง ๆ ที่ บล.เกียรตินาคินเป็นตัวแทนจำหน่ายถึง 19 บริษัทจัดการ พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนภาษีและการลงทุนในกองทุน RMF และ LTF อีกด้วย และได้จัดบริการตรวจสุขภาพการเงิน KK Financial Health Check เพื่อแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมให้กับลูกค้า และให้คำปรึกาาเกี่ยวกับการวางแผนการออมเงินเพื่อวัยเกษียณและเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้นด้วย
นางสาวฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานสายธุรกิจเงินฝากและการตลาด ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KK เปิดเผยว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ มองว่าที่ประชุมน่าจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.25% ซึ่งในตลาดก็มีการคาดการณ์กันว่าน่าจะมีการปรับลดอยู่ที่ 0.25-0.50% โดยในส่วนของธนาคารพาณิชย์ก็น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่จะเป็นการทยอยปรับลดลงทีละเล็กน้อย และจากภาวะที่สภาพคล่องในตลาดเริ่มลดลงนั้นจะทำให้การแข่งขันด้านเงินฝากยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยอัตราดอกเบี้ยก็จะมีการลดลง และการระดมเงินฝากจะเน้นในรูปแบบของระยะยาวมากขึ้น
ทั้งนี้ จากวิกฤตการเงินโลกในขณะนี้ก็คงจะส่งผลกระทบต่อไทยบ้าง แต่โดยภาพรวมแล้วเศรษฐกิจไทยจะยังคงมีการขยายตัว แต่หากมี 6 มาตรการของภาครัฐเข้ามาช่วยก็จะทำให้เกิดการลงทุน ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มาก ส่วนการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ก็จะยังทำได้แต่คงไม่มาก เนื่องจากต้องทำด้วยความระมัดระวังและการระดมเงินของธนาคารนั้นจะเน้นการระดมเงินในประเทศมากขึ้น
"ตอนนี้เราแนะนำให้ฝากเงินระยะยาวจะดีกว่า เพราะแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงมีอยู่ 1-2 ปี และที่แบงก์แข่งระดมเงินกันตอนนี้ไม่ใช่เพราะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องตรึงตัว แต่ระดมเงินฝากไว้เพื่อสำรองให้มากกว่าปกติในภาวะที่สภาพคล่องในระบบเริ่มลดลง ส่วนของแบงก์เกียรตินาคินที่ระดมเงินฝากอยู่ในขณะนี้เพื่อต้องการองรับการใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มกระจายลงมาสู่รายย่อยมากขึ้น ส่วนระยะเวลาในฝากที่เราเน้นจะตั้งแต่ 9 เดือนขึ้นไป หุ้นกู้ประมาณ 2-3 ปี ส่วนตั๋วแลกเงิน (บีอี) จะประมาณ 6-9 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งระยะเวลาของเงินที่ระดมนั้นจะให้สอดคล้องกับการปล่อยสินเชื่อ"
สำหรับโครงสร้างเงินฝากและเงินกู้ยืมของธนาคารนั้น ปัจจุบันมีพอร์ตอยู่ที่ 94,000 ล้านบาท โดยเป็นบีอีเกือบ 20,000 ล้านบาท หรือ 21% หุ้นกู้ 12,600 ล้านบาท หรือ 13% ที่เหลือเป็นส่วนของเงินฝาก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเงินฝากประจำ ส่วนเงินฝากออมทรัพย์ไม่ถึง 5% แต่ปีหน้ามีแผนจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ไม่เกิน 10% สำหรับสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากซึ่งรวมส่วนของหุ้นกู้และบีอีไว้ด้วยนั้นปัจจุบันอยู่ที่ 124%
นางสาวฐิตินันท์ กล่าวว่า ล่าสุดธนาคารได้ทำการเข้าร่วมงาน "SET in The City" ซึ่งจะจัดขึ้นระห่างวันที่ 20-23 พ.ย.นี้ ที่รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยธนาคารได้จัดทำโปรโมชั่นดอกเบี้ยคุ้มค่า เงินฝากประจำ 24 เดือน ดอกเบี้ย 4.125%ต่อปี หรือเงินฝากประจำ 36 เดือน อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี โดยเปิดรับเงินฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สำหรับเงินฝาก 500,000 บาท ขึ้นไป ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ซึ่งถือว่าผลตอบแทนอยู่ในเกณฑ์ที่ดีในภาวะดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง โดยธนาคารตั้งเป้าหมายว่าจะระดมเงินฝากได้ประมาณ 1,000 บัญชี นอกจากนี้หากลูกค้าเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับ บล.เกียรตินาคิน จะได้รับสิทธิพิเศษในการเปิดบัญชี KK Investor Savings Plus หรือเงินฝากออมทรัพย์เพื่อนักลงทุนและสมัครใช้บริการหักบัญชีอัตโนมัติ โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมการหักบัญชีอัตโนมัติ และจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราออมทรัพย์ปกติ
นอกจากนี้ที่พิเศษในงานลูกค้าจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 1% จากเดิม 2.50% เป็น 3.50% โดยเริ่มฝากที่ 10,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีลูกค้ามาเปิดบัญชีประมาณ 1,000 บัญชี
นอกจากนี้ยังได้นำระบบ KK Fund Mart รวบรวมกองทุนต่าง ๆ ที่ บล.เกียรตินาคินเป็นตัวแทนจำหน่ายถึง 19 บริษัทจัดการ พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการวางแผนภาษีและการลงทุนในกองทุน RMF และ LTF อีกด้วย และได้จัดบริการตรวจสุขภาพการเงิน KK Financial Health Check เพื่อแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมให้กับลูกค้า และให้คำปรึกาาเกี่ยวกับการวางแผนการออมเงินเพื่อวัยเกษียณและเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เป็นต้นด้วย