xs
xsm
sm
md
lg

INGลดพอร์ตหุ้นเพิ่มสัดส่วนถือเงินสด จับมือแบงก์แม่ขายLTFพ่วงB/Eให้ดอกเบี้ย5.5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้บริหารธนาคารทหารไทยจับมือกับ นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด (คนซ้ายมือ) เปิดตัวแคมเปญ TMB BUDDY B/E+LTF  เพื่อกระตุ้นยอดกองทุน LTF ส่งท้ายปี โดยชูผลตอบแทนสูงสุด 5.5% ต่อปี ในการลงทุน ซึ่งงานนี้จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน
"บลจ.ไอเอ็นจี"ลดพอร์ตลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน หันมาถือเงินสดเพิ่ม รับมือภาวะตลาดลงทุนทั่วโลกผันผวน ตั้งเป้าสิ้นปีเอยูเอ็มแตะ 2.2 แสนล้านบาท เชื่อถ้าแผนออกกองโรงแรมสำเร็จ สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการทะลุเป้า ล่าสุด จับมือธนาคารทหารไทยเปิดตัวแคมเปญ "TMB BUDDY B/E + LTF" ลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว พร้อมสิทธิลงทุนในตั๋ว B/E ระยะสั้น ชูผลตอบแทนสูงจูงใจ 5.5%

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลจากภาวะความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดลงทุนทั่วโลกในปัจจุบัน ทำให้กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ได้ลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุนและเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากขึ้นเป็น 10-15% จากก่อนหน้านี้ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตทางการเงินในสหรัฐฯ ซึ่งบลจ.จะมีสัดส่วนการถือครองเงินสดประมาณ 5-8%

"ตอนนี้บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลุ่มอุตสาหกรรมลงทุน โดยลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานลง และเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสดแทน แต่ส่วนตัวยังประเมินว่าหุ้นในหลายบริษัทในปัจจุบันยังมีความน่าสนใจในการลงทุน เพราะมีอัตราปันผลสูง ขณะที่ดัชนีหุ้นในช่วงปลายปีนี้มองว่าน่าจะปรับขึ้นไปได้สูงสุดอยู่ที่ 700 จุด ถ้าปัญหาของสหรัฐคลี่คลาย" นายมาริษ กล่าว

ขณะเดียวกันสำหรับปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ที่ 2.2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการจำนวน 2 แสนล้านบาท โดยถ้าแผนการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีนโยบายลงทุนในโรงแรมขนาด 1 หมื่นล้านบาท ประสบความสำเร็จภายในปีนี้ เชื่อว่าเอยูเอ็มของบริษัทจะสามารถปรับตัวได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ สำหรับแผนออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในโรงแรมและกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ที่ลงทุนในเซอร์วิตอพาร์เมนตร์ ซึ่งมีขนาดกองทุน 2,000 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้

ส่วนของอุตสาหกรรมกองทุนรวมของบริษัทนั้น นายมาริษ กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายปลายปีนี้บริษัทน่าจะมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมประมาณ 5.3 - 5.5 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทมีขนาดกองทุน 4.6 หมื่นล้านบาท และหลังจากนี้บริษัทยังคงมีแผนที่จะออกกองทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนหน้าบริษัทอาจจะมีการออกกองทุนไอเอ็นจี ไทย Treasury ซึ่งเป็นกองทุนมั่นนี่มาร์เก็ต ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารการเงินของภาครัฐ อย่างไรก็ตามจากภาวะความผันผวนและปัญหาการเงินในตลาดโลกที่เกิดขึ้น ทำให้หลายบริษัทมีการชะลอการออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ (FIF) และบลจ.ไอเอ็นจี เอง มีการชะลอแผนการออกกองทุนที่ลงทุนในน้ำมันจากที่เคยวางแผนว่าจะออกขายในช่วงนี้ออกไปก่อนเช่นเดียวกัน

สำหรับอุตสาหกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้น บริษัทตั้งเป้าว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้มากขึ้นจากปัจจุบันที่บลจ.มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 6 ให้ขึ้นเป็นอันดับ 5 ล่าสุด บลจ.ไอเอ็นจีได้ร่วมกับธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB เปิดตัวแคมเปญ TMB BUDDY B/E + LTF โดยนำเสนอการออมในรูปตั๋วแลกเงิน 3 เดือนที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากทั่วไป สำหรับลูกค้าเพื่อลงทุนคู่กับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของ บลจ.ไอเอ็นจี ในจำนวนที่เท่ากัน ขั้นต่ำประเภทละตั้งแต่ 50,000-500,000 บาท นอกจากผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุน LTF แล้ว ยังจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากตั๋ว B/E ของธนาคารทหารไทย สูงถึง 5.50% ต่อปี

“เราเชื่อว่าแคมเปญที่ร่วมกับธนาคารทหารไทย TMB BUDDY B/E + LTF จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในกองทุน LTF ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนสนใจลงทุนมากที่สุด เพราะเป็นช่วงสุดท้ายของการลงทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ขณะที่แคมเปญดังกล่าวนับได้ว่าแตกต่างและเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ เนื่องจากเป็นการเพิ่มผลตอบแทนให้กับนักลงทุนด้วยการออมเงินในตั๋ว B/E ของธนาคารทหารไทย ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงถึง 5.50% ต่อปีโดยเชื่อว่า จะได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีและน่าจะสามารถระดมทุนจากโครงการนี้ได้ประมาณ 5-6 พันล้านบาท” นายมาริษกล่าว

สำหรับผู้สนใจลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ของบลจ.ไอเอ็นจี พร้อมการออมเงินตั๋ว B/E อายุ 3 เดือนของธนาคารทหารไทย สามารถลงทุนได้ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคมถึง 30 ธันวาคม 2551 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ และ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด

นายมาริษกล่าวต่อถึงคณะรัฐมนตรีชุมใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศว่า เราต้องให้เครดิตและให้เวลาในทำงานกับเขาก่อน โดยอย่างแรกที่อยากให้ครม.ใหม่เร่งจัดการคือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการทรัพยากรน้ำ ส่วนเรื่องความเชื่อมั่นนั้นเราคงจะต้องให้เวลากับเรื่องนี้ไปก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น