บลจ.พรีมาเวสท์เข็นกองบอนด์ในประเทศ "กรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M 2" เอาใจลูกค้าชอบความเสี่ยงต่ำ ชูจุดเด่นลงทุนระยะสั้น 6 เดือนรับผลตอบแทนกว่า 3.7% ต่อปี พร้อมแนะนักลงทุนลุยต่างประเทศอย่างรอบคอบ หลังเกิดปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐ แต่มั่นใจหุ้นไทยแจ่ม ลงทุนระยะยาวยังน่าสนใจ
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน “กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M 2 หรือ KPS6M2” จนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้
ทั้งนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M 2 จะมีระยะเวลาการลงทุนสั้นๆ เพียง 6 เดือน และเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในประเทศ โดยคาดว่าผลตอบแทนที่ลูกค้าจะได้รับน่าไม่น้อยกว่า 3.75% ต่อปี
“บริษัทยังคงเดินหน้าเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นภายในประเทศ เพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่การลงทุนในประเทศระยะสั้นจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากกว่าไปลงทุนในตราสารนอกประเทศ นอกจากนี้ผลตอบแทนในตราสารหนี้ช่วงสั้นๆ ยังสูงในระดับที่น่าลงทุนอีกด้วย”นายเพิ่มพลกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M 2 จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินภายในประเทศ ที่มีระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป อาทิเช่น ตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัทอยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลิสซิ่ง , บริษัทบัตรกรุงไทย , บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ , ภัทรลิสซิ่ง และตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์โดยจะลงทุนในตราสารของแต่ละแห่งไม่เกิน 20%
"ส่วนตัวเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวน่าจะเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้ เนื่องจากการลงทุนในต่างประเทศยังมีความผันผวนสูง และนักลงทุนส่วนใหญ่ได้มีการชะลอการลงทุนในต่างประเทศไปบ้างแล้ว" นายเพิ่มพล กล่าว
สำหรับ กองทุนนี้จะมีความแตกต่างจากกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M1 ที่ออกไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากจะไม่มีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ทำให้อาจมีความเสี่ยงมากกว่า อย่างไรก็ตามผลตอบแทนที่ได้จะสูงกว่าด้วย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M1 เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รุ่นTB08N12A ร้อยละ 40 ตั๋วแลกเงินของบริษัทอยุธยาดีเวลลอปเม้นท์ลีสซิ่ง จำกัด ร้อยละ 20 ตั๋วแลกเงินของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัดร้อยละ 20 และตั๋วแลกเงินของบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด ร้อยละ 20 โดยมีผลตอบแทนที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 3.0% ต่อปี นอกจากนี้การที่บริษัทเลือกออกกองทุนตราสารหนี้ระยะ 6 เดือน เนื่องจากมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับตราสารหนี้อายุ 1 ปี แต่มีระยะเวลาในการลงทุนสั้นกว่า ทำให้นักลงทุนจะได้เปรียบในเรื่องนี้
“ที่เลือก 6 เดือนเพราะผลตอบแทนมันใกล้เคียงกัน โดยที่ 1 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 3.9% และช่วงเวลาลงทุนก็สั้นกว่าด้วย”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า การลงทุนในขณะนี้อยากแนะนำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศควรมีความรอบคอบมากขึ้น ขณะที่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายในประเทศก็เช่นกัน เนื่องจากยังมีความผันผวนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หากเป็นการลงทุนในหุ้นระยะยาว น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้
ทั้งนี้ การเสนอขายกองทุนของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทางบริษัทคงจะเน้นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก เนื่องจากน่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมสินค้าเกษตรที่บริษัทเคยตั้งเป้านำออกจำหน่ายในช่วงสิ้นปีคงจะต้องเลือนออกไป เพื่อให้เหมาะกับสถานกาณร์ในแต่ละช่วงมากที่สุด
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด บริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน “กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M 2 หรือ KPS6M2” จนถึงวันที่ 30 กันยายนนี้
ทั้งนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M 2 จะมีระยะเวลาการลงทุนสั้นๆ เพียง 6 เดือน และเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในประเทศ โดยคาดว่าผลตอบแทนที่ลูกค้าจะได้รับน่าไม่น้อยกว่า 3.75% ต่อปี
“บริษัทยังคงเดินหน้าเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นภายในประเทศ เพื่อนำเสนอทางเลือกการลงทุนที่เหมาะสมในช่วงนี้ เพราะเป็นช่วงที่การลงทุนในประเทศระยะสั้นจะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากกว่าไปลงทุนในตราสารนอกประเทศ นอกจากนี้ผลตอบแทนในตราสารหนี้ช่วงสั้นๆ ยังสูงในระดับที่น่าลงทุนอีกด้วย”นายเพิ่มพลกล่าว
สำหรับกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M 2 จะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ของสถาบันการเงินภายในประเทศ ที่มีระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป อาทิเช่น ตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัทอยุธยา ดีเวลลอปเม้นท์ ลิสซิ่ง , บริษัทบัตรกรุงไทย , บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ , ภัทรลิสซิ่ง และตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์โดยจะลงทุนในตราสารของแต่ละแห่งไม่เกิน 20%
"ส่วนตัวเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวน่าจะเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงนี้ เนื่องจากการลงทุนในต่างประเทศยังมีความผันผวนสูง และนักลงทุนส่วนใหญ่ได้มีการชะลอการลงทุนในต่างประเทศไปบ้างแล้ว" นายเพิ่มพล กล่าว
สำหรับ กองทุนนี้จะมีความแตกต่างจากกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M1 ที่ออกไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากจะไม่มีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ทำให้อาจมีความเสี่ยงมากกว่า อย่างไรก็ตามผลตอบแทนที่ได้จะสูงกว่าด้วย
ทั้งนี้ กองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ ชอร์ทเทอม อินคัม 6M1 เป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ภายในประเทศ โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล รุ่นTB08N12A ร้อยละ 40 ตั๋วแลกเงินของบริษัทอยุธยาดีเวลลอปเม้นท์ลีสซิ่ง จำกัด ร้อยละ 20 ตั๋วแลกเงินของบริษัทไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัดร้อยละ 20 และตั๋วแลกเงินของบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด ร้อยละ 20 โดยมีผลตอบแทนที่ประมาณการณ์ไว้ที่ 3.0% ต่อปี นอกจากนี้การที่บริษัทเลือกออกกองทุนตราสารหนี้ระยะ 6 เดือน เนื่องจากมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับตราสารหนี้อายุ 1 ปี แต่มีระยะเวลาในการลงทุนสั้นกว่า ทำให้นักลงทุนจะได้เปรียบในเรื่องนี้
“ที่เลือก 6 เดือนเพราะผลตอบแทนมันใกล้เคียงกัน โดยที่ 1 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 3.9% และช่วงเวลาลงทุนก็สั้นกว่าด้วย”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า การลงทุนในขณะนี้อยากแนะนำให้นักลงทุนมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการลงทุนในต่างประเทศควรมีความรอบคอบมากขึ้น ขณะที่การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายในประเทศก็เช่นกัน เนื่องจากยังมีความผันผวนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หากเป็นการลงทุนในหุ้นระยะยาว น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้
ทั้งนี้ การเสนอขายกองทุนของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทางบริษัทคงจะเน้นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก เนื่องจากน่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมสินค้าเกษตรที่บริษัทเคยตั้งเป้านำออกจำหน่ายในช่วงสิ้นปีคงจะต้องเลือนออกไป เพื่อให้เหมาะกับสถานกาณร์ในแต่ละช่วงมากที่สุด