xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ธนชาตชี้พันธบัตรเกาหลียังแรง สิ้นปีหวังเอ็นเอวี2กองตลาดเงินโต4พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.ธนชาต เผย นักลงทุนโยกเงินไปลงในพันธบัตรเกาหลีมากขึ้น เพราะผลตอบแทนที่สูงกว่ามันนีมาร์เก็ต แต่ตั้งเป้า สิ้นปีมีเงินลงทุนไหลเข้า T-MONEY และ T-CASH รวมกัน 4,000 ล้านบาท ล่าสุด ก.ล.ต. ไปเขียวเพิ่มทุนจดทะเบียน กองทุนเปิด T-MONEY อีก 3,000 ล้านบาท คาดว ให้ผลตอบแทน อยู่ที่ 2.6 - 2.7% ส่วน T-CASH อยู่ที่ 2.7 - 2.8%

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด เปิดเผยถึงกระแสการลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ต ในขณะนี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ได้โยกเงินลงทุนไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้มากขึ้นเพราะให้ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับการลงทุนในกองทุนมันนีมาร์เก็ต รวมทั้งการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ได้มีการปิดความเสี่ยงในเรื่องของอัตรแลกเปลี่ยนด้วย

ส่วนแผนการขยายการลงทุนของกองทุนมันนีมาร์เก็ต ทั้ง 2 กองซึ่งได้แก่ กองทุนเปิดธนชาตตลาดเงิน (T-MONEY) และกองทุนเปิดธนชาตบริหารเงิน (T-CASH ) นั้น บริษัทได้ใช้กลยุทธ์โดยการเผยแพร่โฆษณาในหนังสือพิมพ์ให้มากขึ้นเพื่อเป็นการขยายฐานการลงทุนไปยังกลุ่มลูกค้าของทางธนาคารต่างๆ โดยเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ในเรื่องของการลงทุนในกองทุนมันนี่มาร์เก็ตดีอยู่แล้ว

นายบุญชัย ยังกล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้าในปีนี้ว่า กองทุนทั้ง 2 กองจะมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีเงินลงทุนรวมกันประมาณ 3,000 ล้านบาท และคาดว่า กองทุนเปิด T-MONEY น่าจะให้ผลตอบแทนในปีนี้อยู่ที่ 2.6 - 2.7 % ส่วนกองทุนเปิด T-CASH น่าจะให้ผลตอบแทนในปีนี้อยู่ที่ 2.7 - 2.8% แต่ผลตอบแทนเมื่อถึงสิ้นปีอาจปรับเพิ่มขึ้นตามกระแสดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี

ทั้งนี้ บลจ.ธนชาต รายงานว่าบริษัท ได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนของกองทุนเปิด T-Money ซึ่งจากเดิมมีเงินทุนอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยทางบริษัทได้ขอจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนอีก 3,000 ล้านบาท รวมเป็นเงินทุนของโครงการทั้งสิ้น 8,000 ล้านบาท และสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับจดทะเบียนเพิ่มเงินทุนดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา

สำหรับกองทุนเปิด ธนชาตตลาดเงิน (T-MONEY) เป็นกองทุนประเภทกองทุนรวมตลาดเงิน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มีมูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายการลงทุนเน้นลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารแห่งหนี้ที่เป็นตราสารภาครัฐไทย เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย พันธบัตร ตั๋วแลกเงิน ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ หรือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ที่กระทรวงการคลังหรือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้สั่งจ่าย ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันและหรือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ และหรือเงินฝาก หรือตราสารเทียบเท่าเงินสด รวมถึงตราสารทางการเงิน หลักทรัพย์ หรือการหาดอกผลด้วยวิธีอื่นตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.กำหนด หรือเห็นชอบให้ลงทุนได้ ที่มีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม หรือจะครบกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน และ/หรือประมาณ 3-4 เดือนนับแต่วันที่ลงทุนในทรัพย์สินหรือเข้าทำสัญญาเหล่านั้น ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note)

นอกจากนี้ กองทุนเปิด T-MONEY มีผลการดำเนินงานย้อนหลังนับตั้งแต่จัดตั้งโครงการอยู่ที่ 0.57% เมิ่อเทียบกับเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 0.37%

ส่วนกองทุนเปิด ธนชาตตลาดเงิน (T-CASH ) เป็นกองทุนประเภท กองทุนรวมตลาดเงิน ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มีมูลค่าโครงการ 40,000 ล้านบาท โดยมีนโยบายการลงทุน โดยเน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ ธุรกรรมทางการเงิน หรือตราสารทางการเงินอื่นใด ที่มีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม หรือจะครบกำหนดชำระคืนหรือมีอายุสัญญาไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ลงทุน และอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ทั้งนี้ จะไม่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ตอบแทนและตราสารหนี้ที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับตัวแปร โดยการลงทุนดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.67% เมิ่อเทียบกับเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 1.76 % ย้อนหัลง 6 เดือนอยู่ที่ 2.95% เมิ่อเทียบกับเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 1.67% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.97% เมิ่อเทียบกับเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 1.97% และมีผลการดำเนินงานนับตั้งแต่จัดโครงการอยู่ที่ 3.75% เมิ่อเทียบกับเกณฑ์มาตราฐานอยู่ที่ 2.42% ส่วนผลการดำเนินงานรายไตรมาสนั้น กองทุนเปิด T-CASH

มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2551 อยู่ที่ 3.08 % ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 2550 ที่ผ่านมา ในไตรมาส 1 อยู่ที่ 4.97% ในไตรมาส 2 อยู่ที่ 4.05% ไตรมาส 3 อยู่ที่ 2.91% โดยในไตรมาสสุดท้ายอยู่ที่ 2.94% และมีผลการดำเนินงานตลอดทั้งปีอยู่ที่ 3.77%
กำลังโหลดความคิดเห็น