xs
xsm
sm
md
lg

ชงด่วน! ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 1 ปี กู้วิกฤตภาคครัวเรือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภาคเอกชน 3 สถาบัน เสนอมาตรการเร่งด่วน ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นเวลา 1 ปี สำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี โดยให้มีผลทันที เพื่อเพิ่มกำลังซื้อในระดับครัวเรือน พร้อมแนะลดภาษีนิติบุคคล เพื่อกระตุ้นภาวะศก.ในประเทศ พร้อมจัดสินเชื่อ ดบ.ต่ำ กู้วิกฤตผู้ประกอบการ "เอสเอ็มอี"

วันนี้ ( 10 พ.ย.) นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยที่ประชุมร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติเห็นชอบให้เสนอกระทรวงการคลังปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีผลทันที เพื่อช่วยให้แรงงานมีรายได้สำหรับการบริโภคมากขึ้น รวมทั้งส่งเสริมสินเชิ่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยให้รัฐนำเงินงบประมาณมาอุดหนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงไปให้แก่ธนาคารที่ปล่อยกู้ โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ในวันที่ 20 พ.ย.นี้

กกร.จะเสนอให้ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อเดือน โดยให้มีผลทันทีลดนาน 1 ปี ซึ่งวันที่ 13 พ.ย. นี้ จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) โดยจะต้องมีเม็ดเงินนับหมื่นล้านบาท ถึงจะมีผลต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งเสนอให้ลดภาษีอื่นๆ ให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่จะทำให้มีเงินเหลือใช้จ่าย

รวมทั้งต้องแก้ไขระบบภาษีบางประเภทที่เป็นอุปสรรคและภาระผู้ประกอบการ เช่น ภาษีโรงเรือน ภาษีที่เกิดขึ้นในขั้นตอนผู้ประกอบการผลิตสินค้ากับซัพพลายเออร์ต้นน้ำ และจะเสนอให้รัฐยกเลิกจัดเก็บภาษีจากการประนอมหนี้

นอกจากนี้ กรอ.จะเสนอขอให้รัฐบาลพิจารณาปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว โดยจะเสนอให้ลดการจัดเก็บจาก 30% ของกำไรสุทธิ เหลือระดับที่ประเทศคู่แข่งจัดเก็บ คือ 20-25%

ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการใช้งบประมาณขาดดุลเพิ่ม 1 แสนล้านบาทของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยโครงการที่จะออกมาต้องสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้เห็นผลเร็วในระยะ 6 เดือน ถึง 1 ปี และต้องช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชนให้ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้ กกร.จะติดตามความคืบหน้าของข้อเสนอที่มีก่อนหน้านี้ ทั้งเรื่องสิทธิทางภาษีจากการใช้ข้อตกลงเจเทปป้า การพิจารณาการออกซอฟท์โลนให้แก่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.ค้าส่งค้าปลีก

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า มีความเป็นห่วงเรื่องสภาพคล่องในปีหน้าที่อาจจะหดหายไปจากปัจจุบันที่มีอยู่ 3-4 แสนล้านบาท เนื่องจากจะมีเงินทุนไหลออกไปลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งเอกชนจะหันมากู้เงินในประเทศมากขึ้น ดังนั้นภาครัฐโดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรเข้ามาดูแล และเติมสภาพคล่องให้กับระบบด้วย เพราะขณะนี้เงินคงคลังยังมีเหลืออยู่จำนวนมาก

ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่ยังไม่มีความจำเป็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะต้องประชุมเพื่อปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบฉุกเฉินทันที เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยเหมือนประเทศแถบยุโรปและสหรัฐ

"ไทยเองก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามทิศทางของตลาดโลกได้ เพราะเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวลง ดังนั้นต้องมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาการเจริญเติบโตของประเทศไว้ แต่จะปรับลดในอัตราเท่าใดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กนง." นายอภิศักดิ์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น