xs
xsm
sm
md
lg

ราคาน้ำมันดิ่งดันยอดใช้พุ่ง สวนทางแอลพีจีหดตัว 10%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราคาน้ำมันดิ่งส่งผลให้คนไทยเริ่มไม่ประหยัดกลับมาใช้เพิ่มขึ้นแล้ว แต่ภาพรวมปีนี้การใช้ยังติดลบ 2.5-3% เหตุ 8 เดือนแรกยอดใช้วูบหนักจากวิกฤติราคาแพงคนหนีไปพึ่ง NGV –LPG พุ่ง แต่เมื่อราคาน้ำมันลดการใช้แอลพีจีสวนทางก.ย.ลดลง 5-10%

นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดการใช้น้ำมันใสภาพรวมตลอดปี 2551 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวติดลบ 2.5-3% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแม้ว่าราคาน้ำมันขายปลีกของไทยได้ปรับลดลงค่อนข้างมากจากปัจจัยราคาตลาดโลกที่ดิ่งลงหนักเพราะวิกฤติการเงินสหรัฐอเมริกาขณะนี้จนส่งผลให้ยอดใช้ในช่วงก.ย.-ต.ค.มีทิศทางที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3-5% ก็ตามแต่ช่วงม.ค.-ส.ค.ยอดใช้โดยรวมของประเทศได้ลดต่ำลงในระดับ 5-5.5%

“ น้ำมันดิบเวสเท็กซัส(WTI) ที่ปรับตัวสูงเฉลี่ยกว่า 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลช่วงต้นปีทำให้น้ำมันในไทยสูงมากประชาชนประหยัดและหันไปใช้พลังงานอื่นๆ แทนเช่น ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV และก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี แต่ต่อมารัฐลดภาษีสรรพสามิตทำให้น้ำมันเริ่มต่ำลงผสมกับเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ทำให้น้ำมันดิบ WTI เวลานี้เหลือเฉลี่ย 70 เหรียญฯ/บาร์เรลราคาขายปลีกน้ำมันเราต่ำมากยอดใช้ช่วงหลังจึงขยับเพิ่มขึ้นและคาดว่าจะต่อเนื่องถึงสิ้นปีแต่คงไม่ครอบคลุมยอดที่ตกไปช่วงต้นทำให้สิ้นปียังติดลบอยู่”นายยอดพจน์กล่าว

ในปี 2552 ภาพรวมของการขยายปั๊มน้ำมันของประเทศน่าจะมีทิศทางที่ชะลอตัวตามโดยการลงทุนปั๊มใหม่จะมีน้อยลงแต่คาดว่าทุกบริษัทน่าจะหันมาเน้นการลงทุนปรับปรุงงานด้านบริการลูกค้าและระบบสาธารณูปโภคมากกว่า โดยการจำหน่ายน้ำมันยังคงสอดรับกับนโยบายรัฐคือพลังงานทดแทน ซึ่งบางจากฯก็จะเน้นแนวนโยบายดังกล่าวต่อไปโดยเฉพาะพลังงานทดแทนที่ปีนี้มีผลทำให้บางจากได้รับผลกระทบน้อยโดยปีนี้ยอดขายน้ำมันรวมบางจากมีการเติบโต 6%

“ บางจากเองกำลังทบทวนแผนการลงทุนปี 2552 ที่เตรียมลงทุนไว้หมื่นล้านบาทเพื่อให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจอีกครั้งก็คงจะต้องดูว่าอะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็นก็จะเลื่อนหรือชะลอออกไปก่อนเพราะวิกฤติการเงินโลกนั้นทุกฝ่ายเองก็จะต้องระวังในเรื่องของกระแสเงินสด”นายยอดพจน์กล่าว
ยอดใช้แอลพีจีเริ่มหดตัว

นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจี กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงต่อเนื่องในขณะนี้ส่งผลให้ยอดใช้แอลพีจีในภาคครัวเรือน ขนส่งและภาคอุตสาหกรรมเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดช่วงก.ย.โดยเฉลี่ยลดลงไปประมาณ 5-10% โดยคาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมัน ดังนั้นจังหวะที่ราคาน้ำมันขาลงรัฐบาลควรจะใช้โอกาสนี้แยกโครงสร้างราคาแอลพีจีเป็น 2 ราคาด้วยการคงราคาภาคครัวเรือน แต่ขึ้นราคาภาคขนส่งและอุตสาหกรรม

สำหรับผลจากราคาดีเซลที่ลดลงมาสู่ระดับ 23.94 บาทต่อลิตรส่งผลให้ผู้ค้าไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นค่าขนส่งจากที่เคยนำเสนอกรมการค้าภายในไว้ และตรงกันข้ามหากราคาดีเซลลดต่ำลงกว่าระดับ 20 บาทต่อลิตรทางผู้ค้าเตรียมที่จะลดราคาค่าขนส่งให้กับประชาชนทันทีด้วยซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังติดตามดีเซลอย่างใกล้ชิดอยู่โดยเฉพาะผู้ค้ามาตรา 7 และโรงบรรจุก๊าซ
กำลังโหลดความคิดเห็น