xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตเงินโลกกระทบบริษัทเอกชนไทย จี้รัฐเร่งหามาตรการช่วยเหลือพ้นมรสุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปตท. สบช่องวิกฤต เล็งทำ M&A ธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่มีปัญหาด้านการเงินและการตลาด รับนโยบายแสวงหาการลงทุนในต่างประเทศ แย้มเตรียมรีวิวแผนลงทุนโครงการวางท่อก๊าซเอ็นจีวี 3 เส้นมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท อ้างราคาน้ำมันร่วงทำให้ดีมานด์การใช้เอ็นจีวีหด ไม่คุ้มการลงทุน บอส "SHIN" เชื่อปี 52 ไทยรับผลวิกฤตโลก ส่วน PS ลุ้นรัฐต่อมาตรการอสังหาฯ ช่วยพยุงตลาด

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT)กล่าวในหัวข้อมุมมองซีอีโอใหญ่ รับมือเศรษฐกิจโลกทรุด การเมืองเสี่ยง ในงานสัมมนา 2009 Thailand Economic Forum ที่กรุงเทพธุรกิจจัดขึ้น วานนี้ (22 ต.ค.) ว่าปัญหาราคาพลังงานที่เปลี่ยนแปลงหวือหวา โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบที่ตลาดดูไบที่ปรับขึ้นสูงก่อนจะปรับลงมาที่ 60 กว่าเหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และภาวะการเงินโลกที่ตึงตัวจากปัญหาซับไพร์มที่ลามจากสหรัฐฯไปยุโรป ทำให้หลายบริษัทในธุรกิจพลังงานขนาดเล็ก รวมถึงธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น มีปัญหาการตลาดและการเงิน จึงเป็นโอกาสของกลุ่ม ปตท.ที่จะเข้าไปควบรวมและซื้อกิจการ

โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทในต่างประเทศ ซึ่งจะพิจารณาอย่างรอบคอบ สอดคล้องนโยบายของปตท.ที่จะแสวงหาการลงทุนในต่างประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าปตท.จะเข้าไป M&A บริษัทใด และการลงทุนจะพิจารณาสถานะการเงินของปตท.ด้วย"

นายเทวินทร์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ปตท.อยู่ระหว่างการปรับแผนลงทุน 5 ปีของเครือปตท.ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์คาดแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ โดยยืนยันว่าการลงทุนของปตท. 5ปีวงเงิน 2.4 แสนล้านบาทไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่จะมีการเพิ่มเติมการลงทุนหากเห็นโอกาสในการทำM&A ซึ่งงบลงทุนด้านนี้ยังไม่ได้กำหนดไว้ ขึ้นอยู่กับโอกาส ความเหมาะสม โดยเชื่อมั่นว่าด้วยชื่อเสียงของปตท.จะไม่มีปัญหาด้านการหาเงินทุน

ขณะที่ผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนี้ ทำให้บริษัทฯ ชะลอแผนลงทุนโครงการวางท่อก๊าซเอ็นจีวี 3 เส้น มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท เพราะราคาน้ำมันลดลง ทำให้ความต้องการใช้เอ็นจีวีไม่เพิ่มขึ้น และแนวโน้มปีหน้าราคาเอ็นจีวีก็จะปรับเพิ่มด้วย

สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจโลกย่อมส่งผลกระทบต่อปตท.พอสมควร เพราะบริษัทในเครือฯส่งออกปิโตรเคมี ขณะที่มาร์จินจากโรงกลั่นน้ำมันลดลง เนื่องจากหลายประเทศสร้างโรงกลั่นเพิ่มขึ้น ถือเป็นช่วงวัฎจักรขาลงของธุรกิจการกลั่นที่เกิดขึ้นพร้อมวิกฤติเศรษฐกิจและช่วงวัฎจักรขาลงนี้จะนานพอสมควร แต่ที่ผ่านมา ปตท.ได้ควบรวมกิจการของบริษัทในเครือปตท.เข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่ง เชื่อว่าบริษัทในเครือปตท.จะผ่านวิกฤติเศรษฐกิจโลกนี้กได้

"ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงนี้ ธุรกิจการกลั่นต้องบันทึกขาดทุนจากการสต็อกน้ำมันจำนวนมาก ค่อนข้างหวือหวามากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปตท.สผ.ผลงานยังดีอยู่ เพราะผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่คือก๊าซธรรมชาติ มีราคาค่อนข้างคงที่ "

ปีหน้า ปตท.คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะหากราคาน้ำมันดิบต่ำกว่านี้จะทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันจากแหล่งใหม่ไม่คุ้มการลงทุน ก็จะหยุดผลิตไป ทำให้ปริมาณการผลิตลดลง สุดท้ายราคาน้ำมันก็จะปรับตัวสูงขึ้น

*** หวั่นปี52 ไทยเจ็บแน่จากวิกฤติศก.โลก

นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SHIN)กล่าวว่า จากวิกฤติการเงินโลกที่สหรัฐฯได้ลุกลามไปยังยุโรปและเอเชียนั้น ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทยจะเกิดขึ้นปี 52 จึงไม่ควรไว้วางใจ ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจไทยแข็งแรง เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวจากจีน แต่มีแนวโน้มไม่ค่อยแกร่งนัก ดังนั้นภาคเอกชนไทยไม่ควรลงทุนเกินตัว ขณะที่ภาครัฐควรผ่อนปรน และสนับสนุนมากขึ้น

โดยผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือผลกระทบภายใน ซึ่งเป็นผลจากการเมืองในประเทศที่ไม่มีเสถียรภาพ ทำให้เศรษฐกิจไม่ขยายตัว ส่งผลต่อภาคธุรกิจต่อเนื่องเป็นวงจรยาว และผลกระทบจากต่างประเทศจากความผิดพลาดของสถาบันการเงินในต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย

ที่ผ่านมา การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยมาจาก 4 ฐานหลักการส่งออก แต่จากวิกฤติการเงินโลกนี้ ทำให้ส่งออกลดลง การลงทุนจากต่างประเทศ พบว่าเงินทุนต่างประเทศไหลออกจากตลาดทุนไทย ขณะที่เงินลงทุนจากต่างประเทศในอสังหาฯ นั้น ก็ไม่รู้ว่าจะมากน้อยแค่ไหน แต่การลงทุนจากญี่ปุ่นและจีนยังดีอยู่ ที่เหลือคือการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นนี้ SHIN ยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่อนาคตหากเศรษฐกิจชะลอตัวลง หรือไม่ขยาย ส่งผลให้ กิจการขนาดเล็กปิดตัวลง เชื่อกระทบต่อการธุรกิจสื่อสารอย่างเลี่ยงไม่ได้

**อสังหาฯลุ้นรัฐต่อมาตรการช่วยพยุงตลาด **

นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS) กล่าวว่า ปัญหาการเงินโลกรวมไปถึงความไม่สงบทางการเมืองส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ชะลอซื้อบ้าน พิจารณาได้จากผลประกอบการของบริษัทในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมา ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 15% โดยทั้งปีตั้งเป้ารายได้ไว้ 14,000 ล้านบาท

โดยนอกจากปัญหาด้านเศรษฐกิจแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากปัญหารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (สวล.) ล่าช้า ทำให้การก่อสร้างทาวน์เฮาส์ต้องล้าช้าออกไป 2 โครงการ และคอนโดมิเนียมอีก 1 โครงการ ซึ่งทั้งหมดจะสามารถโอนได้ในสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ตาม ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ไม่เลวร้ายตามที่คาดการณ์เอาไว้ เพราะได้อานิสงส์จากมาตรการด้านภาษีอสังหาฯ ทำให้สามารถพยุงตลาดให้ยังคงทรงตัวได้ แต่มาตรการดังกล่าวจะหมดเดือนมีนาคมปี 52 ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น จึงต้องการให้รัฐบาลพิจารณาต่ออายุมาตรการอีก 1 ปีเพื่อพยุงตลาด

ส่วนภาวะราคาวัสดุที่มีแนวโน้มปรับตัวลงถือเป็นข่าวดี โดยเฉพาะราคาเหล็กและคาดว่าจะทรงไปอีก 1 ปี เพราะความต้องการในตลาดโลกมีไม่มาก รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับลด ทำให้ต้นทุนก่อสร้างต่ำลง

" ช่วงที่เหล็กราคาปรับขึ้นสูงมาก ๆ เราใช้วิธีสั่งซื้อล่วงหน้าได้ราคา 22-24 บาท ตอนนั้นซื้อมาประมาณ 300 ล้านบาท ใช้ไปแล้วเกินครึ่ง ส่วนที่เหลือต้องใช้ให้หมด ถือว่าตอนนี้เราใช้เหล็กแพงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน แต่จากความกดดันต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะน้ำมันและเหล็ก ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับลดราคาบ้านลงมา 7% " นายทองมากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น