คปภ.ออกโรงยันไอเอ็นจี ประกันชีวิต ยังเข้มแข็ง มีผลประกอบการที่ดี มีเงินกองทุนสำรองครบถ้วนตามกฎหมายกำหนด ผู้เอาประกันสบายใจได้ แม้ไอเอ็นจี กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทแม่จะเจอวิกฤตต้องทำการเพิ่มทุนครั้งมโหฬารก็ตาม ด้านไอเอ็นจีประกันชีวิตยอมรับวิกฤตการเงินอาจส่งผลกระทบเป้าหมายทางธุรกิจ โดยยังอึดคงไว้ระดับที่25-30%ยันเดินบ.แม่ยังให้การสนับสนุน เตรียมทุ่มเงินใส่ประกันชีวิตอีกกว่า 20 ล้านยูโร
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า การเพิ่มทุนของไอเอ็นจี กรุ๊ป ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ จะไม่มีผลกระทบใดๆ กับบริษัท ไอเอ็นจี ประกันชีวิต จำกัด เพราะคปภ. ได้มีการติดตามและวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทอย่างต่อเนื่อง พบว่าบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับที่ 9 และ ณ สิ้นเดือนส.ค.2551 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ รวมทั้งสิ้น 3,513.63 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานที่ดี มีสินทรัพย์รวม 11,363.90 ล้านบาท และมีเงินกองทุน 676.42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 337.32 ของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ตามแนวทางการกำกับและตรวจสอบบริษัทประกันภัยแนวใหม่นั้น ได้กำหนดให้บริษัทต้องมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 150 และมีเงินสำรองประกันภัย จำนวน 10,026.55 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับจ่ายภาระผูกพันและผลประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย ขอให้ประชาชนและผู้เอาประกันภัยมั่นใจในการกำกับดูแลธุรกิจประภัยของคปภ. หากประชาชนมีปัญหาหรือข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186
ไอเอ็นจี กรุ๊ป ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการเพิ่มทุนด้วยการออกตราสารทางการเงินชั้นที่ 1 ให้แก่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ จำนวน 1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างไอเอ็นจี กรุ๊ปและรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ เพื่อเสริมสร้างฐานะการเงินและเงินทุนให้แข็งแกร่งขึ้น มิใช่มาตรการเพื่อเข้าแก้ไขปัญหาฐานะการเงิน อีกทั้ง ไอเอ็นจี กรุ๊ป ประเทศเนเธอร์แลนด์ถือหุ้นในบริษัท ไอเอ็นจี ประกันชีวิต จำกัด ไม่เกินร้อยละ 25 กล่าวคือ จำนวน 114.51 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 458.05 ล้านหุ้น
ขณะที่ นายราเจซ เสฐฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะยังคงเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจไว้คงเดิม แม้ว่า สถานการณ์โดยรวมของธุรกิจจะไม่เอื้อ โดยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันใหม่จะอยู่ที่ 2,100 ล้านบาทหรือคิดเป็น 25-30% จากปัจจุบันมีการเติบโตได้แล้ว 15%หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ยใหม่กว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตที่น่าพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันจากอุตสาหกรรมโดยรวมที่โต 10-11%เท่านั้น
"ต้องยอมรับว่าจากวิกฤตการเงินในครั้งนี้ ทำให้การดำเนินธุรกิจสะดุดบ้าง และอาจกระทบต่อเป้าหมายการดำเนินธุรกิจโดยรวม แต่บริษัทก็ยังคงเป้าหมายการเติบโตเดิมไว้ ขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง รวมถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่นิ่ง และวิกฤตการเงินทำให้อุตสาหกรรมโดยรวมเติบโต10-11%เท่านั้น"นายราเจซกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของไอเอ็นจีประกันชีวิตในไทยนั้น ยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มไอเอ็นจีด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มไอเอ็นจีได้ใส่เงินเข้ามาในไอเอ็นจีประกันชีวิต 20 ล้านยูโร เพื่อขยายธุรกิจประกันชีวิตในไทย และในปีหน้าก็มีแผนที่นำเงินมาลงทุนไอเอ็นจีประกันชีวิตอีกมากกว่า 20 ล้านยูโร เพื่อขยายธุรกิจประกันชีวิตในไทย และในปีหน้าตามแผนที่วางไว้ไอเอ็นจีประกันชีวิต ก็จะถึงจุดคุ้มทุนเป็นปีแรก
นายราเจซ กล่าวว่า ยืนยันว่าฐานะทางการเงินของไอเอ็นจีประกันชีวิตในไทยยังมั่นคง มีเงินสำรองประกันภัยสูงถึง 337% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่คปภ.กำหนดไว้ที่ 150% ส่วนกรณีทีรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ใส่เงินมา 10,000 ล้านยูโรให้กับบริษัทแม่นั้น ทำให้สถานะทางการเงินของไอเอ็นจีกรุ๊ป มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะมีรัฐบาลให้การสนับสนุน แต่ไม่ได้หมายความว่า ไอเอ็นจีกรุ๊ปขาดสภาพคล่อง เพราะผลประกอบการของไอเอ็นจีกรุ๊ป ยังมีกำไรสะสมใน 3 ไตรมาสมากกว่า 2,900 ล้านยูโร และการขาดทุนที่เกิดขึ้นก็เป็นส่วนของไตรมาส 3 จำนวน 500 ล้านยูโรเท่านั้น
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า การเพิ่มทุนของไอเอ็นจี กรุ๊ป ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ จะไม่มีผลกระทบใดๆ กับบริษัท ไอเอ็นจี ประกันชีวิต จำกัด เพราะคปภ. ได้มีการติดตามและวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัทอย่างต่อเนื่อง พบว่าบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับที่ 9 และ ณ สิ้นเดือนส.ค.2551 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ รวมทั้งสิ้น 3,513.63 ล้านบาท มีผลการดำเนินงานที่ดี มีสินทรัพย์รวม 11,363.90 ล้านบาท และมีเงินกองทุน 676.42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 337.32 ของเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ตามแนวทางการกำกับและตรวจสอบบริษัทประกันภัยแนวใหม่นั้น ได้กำหนดให้บริษัทต้องมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 150 และมีเงินสำรองประกันภัย จำนวน 10,026.55 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับจ่ายภาระผูกพันและผลประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย ขอให้ประชาชนและผู้เอาประกันภัยมั่นใจในการกำกับดูแลธุรกิจประภัยของคปภ. หากประชาชนมีปัญหาหรือข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186
ไอเอ็นจี กรุ๊ป ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้ทำการเพิ่มทุนด้วยการออกตราสารทางการเงินชั้นที่ 1 ให้แก่รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ จำนวน 1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างไอเอ็นจี กรุ๊ปและรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ เพื่อเสริมสร้างฐานะการเงินและเงินทุนให้แข็งแกร่งขึ้น มิใช่มาตรการเพื่อเข้าแก้ไขปัญหาฐานะการเงิน อีกทั้ง ไอเอ็นจี กรุ๊ป ประเทศเนเธอร์แลนด์ถือหุ้นในบริษัท ไอเอ็นจี ประกันชีวิต จำกัด ไม่เกินร้อยละ 25 กล่าวคือ จำนวน 114.51 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 458.05 ล้านหุ้น
ขณะที่ นายราเจซ เสฐฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะยังคงเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจไว้คงเดิม แม้ว่า สถานการณ์โดยรวมของธุรกิจจะไม่เอื้อ โดยอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันใหม่จะอยู่ที่ 2,100 ล้านบาทหรือคิดเป็น 25-30% จากปัจจุบันมีการเติบโตได้แล้ว 15%หรือคิดเป็นมูลค่าเบี้ยใหม่กว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตที่น่าพอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันจากอุตสาหกรรมโดยรวมที่โต 10-11%เท่านั้น
"ต้องยอมรับว่าจากวิกฤตการเงินในครั้งนี้ ทำให้การดำเนินธุรกิจสะดุดบ้าง และอาจกระทบต่อเป้าหมายการดำเนินธุรกิจโดยรวม แต่บริษัทก็ยังคงเป้าหมายการเติบโตเดิมไว้ ขณะที่อุตสาหกรรมโดยรวมได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง รวมถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่นิ่ง และวิกฤตการเงินทำให้อุตสาหกรรมโดยรวมเติบโต10-11%เท่านั้น"นายราเจซกล่าว
นอกจากนี้ ในส่วนของไอเอ็นจีประกันชีวิตในไทยนั้น ยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มไอเอ็นจีด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมากลุ่มไอเอ็นจีได้ใส่เงินเข้ามาในไอเอ็นจีประกันชีวิต 20 ล้านยูโร เพื่อขยายธุรกิจประกันชีวิตในไทย และในปีหน้าก็มีแผนที่นำเงินมาลงทุนไอเอ็นจีประกันชีวิตอีกมากกว่า 20 ล้านยูโร เพื่อขยายธุรกิจประกันชีวิตในไทย และในปีหน้าตามแผนที่วางไว้ไอเอ็นจีประกันชีวิต ก็จะถึงจุดคุ้มทุนเป็นปีแรก
นายราเจซ กล่าวว่า ยืนยันว่าฐานะทางการเงินของไอเอ็นจีประกันชีวิตในไทยยังมั่นคง มีเงินสำรองประกันภัยสูงถึง 337% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่คปภ.กำหนดไว้ที่ 150% ส่วนกรณีทีรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ใส่เงินมา 10,000 ล้านยูโรให้กับบริษัทแม่นั้น ทำให้สถานะทางการเงินของไอเอ็นจีกรุ๊ป มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะมีรัฐบาลให้การสนับสนุน แต่ไม่ได้หมายความว่า ไอเอ็นจีกรุ๊ปขาดสภาพคล่อง เพราะผลประกอบการของไอเอ็นจีกรุ๊ป ยังมีกำไรสะสมใน 3 ไตรมาสมากกว่า 2,900 ล้านยูโร และการขาดทุนที่เกิดขึ้นก็เป็นส่วนของไตรมาส 3 จำนวน 500 ล้านยูโรเท่านั้น
