บิ๊กไอเอ็นจี ลั่นเดินหน้าขยายธุรกิจ-ลงทุนในไทย ยืนยัน ปัญหาการเมืองไม่กระทบความมั่นใจ ด้านสภาพคล่องยังมีเพียงพอ พร้อมลุยเข้าลงทุนในทุกตลาดทั่วเอเชีย ชมเปาะแบงก์ทหารไทย ช่วยเพิ่มยอดขายประกันพุ่งถึง 20% หวังใช้เป็นต้นแบบในต่างประเทศ
วันนี้ ( 14 พ.ย.) นายฮาน แวน เดอร์ นอร์ดา คณะกรรมการผู้บริหารระดับสูงของไอเอ็นจี กรุ๊ป (ING group) กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลกลางประเทศฮอลแลนด์ ประกาศให้ความช่วยเหลือโดยให้เงินอัดฉีดจำนวน 1 ล้านยูโร เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทฯ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ และยุโรปที่ใช้มาตรการดังกล่าวในการแก้ไขปัญหา ส่งผลให้ไอเอ็นจีกรุ๊ปพร้อมที่จะนำเงินดังกล่าวมาลงทุนขยายธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกและประเทศไทย โดยเน้นในขยายใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจการจัดการกองทุน ธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจธนาคารพาริณย์
โดยไอเอ็นจีกรุ๊ปจะเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโตดี และต้องระมัดระวังในการลงทุนและมีความเสี่ยงต่ำ หากบริษัทในเครือไอเอ็นจีกรุ๊ปที่อยู่ในประเทศไทยต้องการเงินทุนเพิ่มเติมก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนในด้านการลงทุนในด้านต่างๆ แต่สำหรับจะใช้งบลงทุนเท่าใดในประเทศไทยไม่สามารถที่จะเปิดเผยในที่สาธารณะได้
สำหรับปัจจัยการเมืองในประเทศไทยที่มีสถานการณ์ความขัดแย้ง เชื่อว่าจะเกิดในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น และมองว่าในระยะยาวสถานการณ์น่าจะดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งการลงทุนของไอเอ็นจีในประเทศไทยก็มองผลลัพธ์ในระยะยาวจึงจะมีการดำเนินการต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
นายราเจช เสฐฐี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไอเอ็นจีประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า แม้จะเกิดปัญหาวิกฤติการเงินโลก ซึ่งส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวลดลง แต่ทางไอเอ็นจี ยังมั่นใจในประเทศไทย โดยมีการลงทุนในไทยสูงถึง 600 ล้านยูโรในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ประกันชีวิต และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ( บลจ.) เพราะเชื่อว่าวิกฤตการเงินจะไม่เป็นปัญหา
"ผมมองว่าเป็นโอกกาสมากกว่าวิกฤต โดยจะต้องลงทุนอย่างรอบคอบให้ถูกจังหวะและโอกาส นอกจากนี้ทางไอเอ็นจียังได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ วงเงิน 10,000 ล้านยูโร ซึ่งกำลังพิจารณาจะนำเงินมาลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อขยายธุรกิจให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น"
หลังจากปีที่แล้ว เราได้มีพันธมิตรใหม่ คือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB โดยบริษัทฯได้เข้าถือหุ้นประมาณ 20% ส่งผลให้ยอดขายประกันชีวิตในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จึงคาดว่าสิ้นปีจะสามารถเติบโตได้มากกว่า 20% โดยมาจากการเพิ่มช่องทางการขายผ่านทาง TMB
นอกจากนี้บริษัทไอเอ็นจีประกันชีวิตในประเทศไทย ยังถือเป็นต้นแบบของธุรกิจประกันชีวิตของบริษัทประกันชีวิตของไอเอ็นจีในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในอนาคตบริษัทฯ จะสามารถเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศไทย เนื่องจากธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
ด้านนายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี ( ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไอเอ็นจีพร้อมลงทุนเพิ่ม เพราะปัญหาการเมืองไม่มีผลต่อการแผนการลงทุนในระยะยาวของบริษัท และยังมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิกยังเติบโตได้ดี แต่ก็ยอมรับว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะลดลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งการส่งออกมีสัดส่วนถึงร้อยละ 60 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)
นายมาริษ ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจในครั้งนี้จะไม่รุนแรงเหมือนปี 2540 ดังนั้น การลงทุนในระยะข้างหน้าต้องระมัดระวัง และจะลดต้นทุนทางการเงิน และการบริหาร โดยจะร่วมมือกับบริษัทไอเอ็นจีประกันชีวิตเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินในรูปแบบใหม่ ๆโดยจะใช้ช่องทางการตลาดผ่านธนาคารทหารไทย เพื่อให้ยอดขายเพิ่มขึ้น โดยหลังจากที่ไอเอ็นจี เข้ามาร่วมบริหารธนาคารทหารไทย มียอดขายกองทุนเพิ่มขึ้น ร้อยละ 15 และ ประกันชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 20
ส่วนผลประกอบการไอเอ็นจีประกันชีวิตจนถึงไตรมาส 3 ที่ผ่านมายังเติบโตต่อเนื่อง เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,367 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 17 เบี้ยประกันภัยรวม 4,193 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 29 ในขณะที่อุตสาหกรรมเติบโตเพียงร้อยละ 11
สำหรับไอเอ็นจีกรุ๊ป ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 2,982 ล้านยูโร หรือประมาณ 131,208 ล้านบาท แม้จะเกิดวิกฤตการเงินโลกและมีความผันผวน
