"ดัตช์" อัดฉีดหมื่นล้านยูโรอุ้ม "ไอเอ็นจี" เล็งขายธุรกิจประกันในเอเชีย

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ประกาศอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือ ไอเอ็นจีแบงก์ 1 ใน 20 ธนาคารใหญ่ที่สุดของโลก หลังขาดทุนหนักในไตรมาส 3 จำนวนกว่า 500 ล้านยูโร เตรียมขายธุรกิจประกันชีวิตในไต้หวันให้แก่ "ฟูบอน ไฟแนนเชียล"

วันนี้ ( 20 ต.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศอัดฉีดเงินถึง 10,000 ล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือธนาคารไอเอ็นจี 1 ใน 20 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก หลังจากทุ่มเงินถึง 16,800 ล้านยูโร ช่วยพยุงธนาคารฟอร์ติส ที่ร่วมทุนกับเบลเยียมเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

นายวูเตอร์ บอส รัฐมนตรีคลังเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่า การทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเข้าไปในภาคการธนาคารครั้งนี้ก็เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในอนาคตและเป็นหลักประกันให้แก่บัญชีเงินฝาก อันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลก และราคาหุ้นที่ดิ่งลงถึง 27.5%

โดยข้อตกลงระหว่างไอเอ็นจี กับกระทรวงคลังและธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์มีขึ้นหลังจากไอเอ็นจีประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า อาจต้องขาดทุนราว 500 ล้านยูโร ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ อันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ภายใต้แผนช่วยเหลือครั้งนี้ ไอเอ็นจีต้องนำเงินในปริมาณ 150% ของจำนวนที่รัฐบาลอัดฉีดเข้าไป มาซื้อหุ้นคืนได้ทุกเวลา หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องแปลงเงินจำนวนดังกล่าวเป็นหุ้นภายในเวลา 3 ปี ผู้บริหารระดับสูงทุกคนจะถูกงดเงินโบนัสประจำปี และถ้าลาออกก็จะได้เงินชดเชยเงินเดือนไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น

นายมิเชล ทิลแมนท์ ประธานธนาคารไอเอ็นจี กล่าวว่า การอัดฉีดเงินครั้งนี้จะทำให้สถานะการเงินของธนาคารเข้มแข็งขึ้น และธนาคารยอมรับสถานภาพที่จะตามมาหลังจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยื่นมือเข้ามาพยุงกิจการในครั้งนี้

สำนักข่าวบลุมเบิร์กรายงานว่า สถานการณ์ของไอเอ็นจี ในขณะนี้ ไม่แตกต่างจากเหตุการณ์ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปล่อยวงเงินกู้ฉุกเฉินให้กับบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) มูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เฟดออกแถลงการณ์ว่า คณะกรรมการเฟดมีมติให้ปล่อยวงเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับ AIG แลกเปลี่ยนกับการที่เฟดเข้าไปถือหุ้น 79.9% ตามกฎหมาย Section 13(3) of the Federal Reserve Act โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้ AIG คล่องตัวทางการเงินจนสามารถดำเนินการตามภาระผูกพันเมื่อถึงเวลากำหนด ซึ่งเงินกู้นี้มีเงื่อนไขชำระคืนภายในเวลา 24 เดือน โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยตามมาตรฐาน Libor ประเภทสามเดือนที่ 8.50%

ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า ไอเอ็นจีเตรียมขายธุรกิจประกันชีวิตในเอเชีย โดยกลุ่มฟูบอน ไฟแนนเชียล บริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไต้หวัน วางแผนเข้าซื้อธุรกิจประกันชีวิตของไอเอ็นจี กรุ๊ป เอ็นวี เป็นเงินจำนวน 600 ล้านดอลลาร์ เพื่อดึงลูกค้าให้มาลงทุนในไต้หวันมากขึ้น ซึ่งการซื้อธุรกิจดังกล่าวจะทำให้ฟูบอนมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านคน จากฐานลูกค้าเดิมที่ 6.5 ล้านคน ทางฟูบอนจะออกหุ้นใหม่ เพื่อที่จะระดมทุนในการซื้อกิจการครั้งนี้

แผนการซื้อกิจการดังกล่าวทำให้อันดับของฟูบอนในตลาดประกันของไต้หวันสูงขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 4 จากเดิมที่อันดับ 6 และยังจะทำให้ฟูบอนได้เป็นพันธมิตรกับไอเอ็นจี โดยไอเอ็นจีจะถือหุ้น 5% ในบริษัทหลังจากที่มีการซื้อขายกิจการเรียบร้อยแล้ว

ฟูบอน มองว่า ธุรกิจประกันชีวิตของบริษัทจะมีสินทรัพย์ พนักงาน และรายได้ในปริมาณที่สูงขึ้นมาก และคาดว่ากิจการประกันชีวิตที่ได้ผ่านการควบรวมกิจการแล้วนี้จะเป็นกลไกที่สำคัญในการทำกำไร

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ฮันส์ แวน เดอร์ โนร์ดา บอร์ดของไอเอ็นจีที่ดูแลธุรกิจประกันในเอเชีย กล่าวว่า ไอเอ็นจีอาจจะขาดทุน 427 ล้านยูโร หรือ 575 ล้านดอลลาร์จากการขายธุรกิจประกันที่มีอายุ 20 ปี แต่บริษัทก็จะยังคงหาลู่ทางในการขยายธุรกิจในเอเชียต่อไป

การขายธุรกิจประกันชีวิตครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ไอเอ็นจี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินรายใหญ่สุดของเนเธอร์แลนด์นั้น คาดว่า จะมีรายได้ 1 หมื่นล้านยูโร หลังจากที่บริษัทได้ออกมาเตือนตัวเลขขาดทุนรายไตรมาสเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ต.ค. และหุ้นของบริษัทในตลาดหุ้นอัมส์เตอร์ดัมก็ร่วงลงอย่างแรง