ทริสเรตติ้ง ห่วง บจ. 4 กลุ่ม "รับเหมา-ส่งออก –บล." เสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ระยะสั้น เหตุจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว โครงการลงทุนภาครัฐไม่เกิด ด้านกลุ่มที่มีความสามารถชำระหนี้ดีสุด กลุ่มโรงไฟฟ้าจากฐานะการเงินแข็งแกร่ง วรภัทร เผย ไม่ห่วงลูกค้า100 ราย ยังมีความสามารถชำระหนี้ระยะสั้น -ชำระหนี้รายเดือนดี
นายวรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยเรตติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด หรือ ทริสเรตติ้ง เปิดเผยว่า จากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวนั้น ในช่วง ระยะเวลา 9 เดือน -1 ปี นั้น จะส่งผลกระทบต่อกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียนไทยระยะสั้นและรายเดือน ซึ่งกลุ่มที่น่าเป็นห่วง คือ กลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจาก ในช่วง1ปี ที่ผ่านมา บจ.กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากโครงการที่ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว รวมถึงโครงการเมกกะโปรเจกต์ของภาครัฐด้วย จึงทำให้เป็นสิ่งที่สร้างแรงกดดันให้แก่กลุ่มธุรกิจดังกล่าว
กลุ่มที่สองคือ กลุ่มส่งออก ที่คาดว่าจะมีปัญหาด้านความต้องการซื้อสินค้าของลูกค้าในการสั่งคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เพราะหากจะประเมินถึงความต้องการสินค้าในภูมิภาคเอเชียด้วยกันก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีเพียงพอ ให้เข้ามาทดแทนกับสัดส่วนที่หายไปหรือไม่ ส่วนกลุ่มที่สาม คือ บจ.กลุ่มท่องเที่ยว ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะจากสภาะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก จากปัญหาสถาบันการเงินที่ลุกลามจากสหรัฐนั้น อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยว ซึ่งก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนปีละ 4 หมื่นล้านบาทนั้น หายไปบางส่วน
ขณะกลุ่มที่สี่กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์(บล.)โดยเฉพาะบริษัทที่มีความเสี่ยงด้านการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์(มาร์จิ้น โลน) และมีการใช้พอร์ตของบริษัทเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงจนเกิดความเสี่ยงในที่สุด
"เบื้องต้นที่ได้ประเมินบจ.ที่เป็นลูกค้าของเรากว่า100 บริษัท โดยรวมพบว่า ความสามารถในการชำระหนี้ยังไม่น่าห่วงมากนัก ในระยะ1 ปีนี้ แต่ก็ยังมีกลุ่มที่น่าห่วงเหมือนกัน เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ส่งออก ท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มหลักทรัพย์ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ซึ่งเราเป็นห่วงว่าในระยะกลาง ตั้งแต่9เดือนถึง1ปี ธุรกิจพวกนี้จะประคองตัวได้หรือไม่ หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ดังนั้นก็ต้องจับตาต่อไปจนถึงกลางปีหน้า" นายวรภัทรกล่าว
นายวรภัทร กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่ทริสฯประเมินแล้วพบว่า เป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการชำระหนี้ในอันดับที่ดีนั้น คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากบริษัทในกลุ่มนี้จะมีการผูกสัญญากับหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีความต้องการใช้จากประชาชนเสมอ ดังนั้นแม้จะเกิดภาวะต้นทุนเพิ่มบริษัทก็สามารถที่จะขึ้นราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทันที ขณะที่ความเสี่ยงที่มีส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการบริหารจัดการ(Operation)ของบริษัทเองมากกว่า
ทั้งนี้จากการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ซึ่งเป็นลูกค้าของทริสฯจำนวนกว่า100 ราย ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ภาระการชำระหนี้ระยะสั้น และการชำระหนี้รายเดือน ตลอด1 ปี ของบจ.โดยรวม ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับที่สามารถชำระหนี้ได้อยู่
นายวรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยเรตติ้งแอนด์อินฟอร์เมชั่นเซอร์วิส จำกัด หรือ ทริสเรตติ้ง เปิดเผยว่า จากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวนั้น ในช่วง ระยะเวลา 9 เดือน -1 ปี นั้น จะส่งผลกระทบต่อกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียนไทยระยะสั้นและรายเดือน ซึ่งกลุ่มที่น่าเป็นห่วง คือ กลุ่ม รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจาก ในช่วง1ปี ที่ผ่านมา บจ.กลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากโครงการที่ยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะชะลอตัว รวมถึงโครงการเมกกะโปรเจกต์ของภาครัฐด้วย จึงทำให้เป็นสิ่งที่สร้างแรงกดดันให้แก่กลุ่มธุรกิจดังกล่าว
กลุ่มที่สองคือ กลุ่มส่งออก ที่คาดว่าจะมีปัญหาด้านความต้องการซื้อสินค้าของลูกค้าในการสั่งคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เพราะหากจะประเมินถึงความต้องการสินค้าในภูมิภาคเอเชียด้วยกันก็ยังไม่มั่นใจว่าจะมีเพียงพอ ให้เข้ามาทดแทนกับสัดส่วนที่หายไปหรือไม่ ส่วนกลุ่มที่สาม คือ บจ.กลุ่มท่องเที่ยว ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่น่าจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เพราะจากสภาะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วโลก จากปัญหาสถาบันการเงินที่ลุกลามจากสหรัฐนั้น อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยว ซึ่งก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนปีละ 4 หมื่นล้านบาทนั้น หายไปบางส่วน
ขณะกลุ่มที่สี่กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์(บล.)โดยเฉพาะบริษัทที่มีความเสี่ยงด้านการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์(มาร์จิ้น โลน) และมีการใช้พอร์ตของบริษัทเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่ราคาหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงจนเกิดความเสี่ยงในที่สุด
"เบื้องต้นที่ได้ประเมินบจ.ที่เป็นลูกค้าของเรากว่า100 บริษัท โดยรวมพบว่า ความสามารถในการชำระหนี้ยังไม่น่าห่วงมากนัก ในระยะ1 ปีนี้ แต่ก็ยังมีกลุ่มที่น่าห่วงเหมือนกัน เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ส่งออก ท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มหลักทรัพย์ ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ซึ่งเราเป็นห่วงว่าในระยะกลาง ตั้งแต่9เดือนถึง1ปี ธุรกิจพวกนี้จะประคองตัวได้หรือไม่ หากเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว ดังนั้นก็ต้องจับตาต่อไปจนถึงกลางปีหน้า" นายวรภัทรกล่าว
นายวรภัทร กล่าวว่า สำหรับกลุ่มที่ทริสฯประเมินแล้วพบว่า เป็นกลุ่มที่มีความสามารถในการชำระหนี้ในอันดับที่ดีนั้น คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก เนื่องจากบริษัทในกลุ่มนี้จะมีการผูกสัญญากับหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีความต้องการใช้จากประชาชนเสมอ ดังนั้นแม้จะเกิดภาวะต้นทุนเพิ่มบริษัทก็สามารถที่จะขึ้นราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทันที ขณะที่ความเสี่ยงที่มีส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการบริหารจัดการ(Operation)ของบริษัทเองมากกว่า
ทั้งนี้จากการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ซึ่งเป็นลูกค้าของทริสฯจำนวนกว่า100 ราย ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ภาระการชำระหนี้ระยะสั้น และการชำระหนี้รายเดือน ตลอด1 ปี ของบจ.โดยรวม ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับที่สามารถชำระหนี้ได้อยู่
