xs
xsm
sm
md
lg

กองทุนตลาดเงิน หนึ่งทางเลือกในยามวิกฤต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ คุยกับผู้จัดการกองทุน
โดย ดร.ฐนิตพงศ์ ชื่นภิบาล
ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมความเสี่ยง
บลจ.อยุธยา จำกัด


ถึงแม้ในช่วงนี้ราคาหุ้นจะปรับตัวลงมาก จนมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน แต่ท่านนักลงทุนหลายท่านยังไม่กล้าที่จะลงทุนในหุ้น เพราะกลัวว่าราคาจะปรับลงอีก ในขณะที่บางท่านอาจจะหาจังหวะที่จะลงทุนอยู่ เพราะเล็งเห็นว่าภาวะตลาดยังไม่เอื้ออำนวยที่จะลงทุนในตอนนี้ หรือพยายามที่จะลงทุนในจุดที่ตลาดอยู่ที่จุดต่ำสุด เพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด (ซึ่งน้อยคนนักที่จะทำได้) แต่สำหรับท่านนักลงทุนที่เป็นนักลงทุนระยะยาวหรือนิยมลงทุนในหุ้นคุณค่า อาจจะเริ่มทยอยลงทุนกันบ้างแล้ว เพราะในตอนนี้ P/E (ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ) ของ SET อยู่ที่ 6 เท่ากว่าๆ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2546 ขณะที่ค่า P/BV (ราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชี) ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งหมายความว่า SET มีราคาต่ำกว่าความเป็นจริง และให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลกว่า 7% ซึ่งสูงกว่าการฝากเงินหลายเท่า

สำหรับท่านนักลงทุนที่ยังไม่กล้าที่จะลงทุนในตอนนี้ ส่วนใหญ่คงจะฝากเงินในธนาคาร ในขณะที่บางท่าน กลัวถึงขนาดไม่กล้าที่จะเก็บเงินไว้กับธนาคารเพราะเห็นว่าแม้แต่ธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯหลายแห่งยังมีโอกาสที่จะล้มได้ วันนี้ผมขอนำเสนอกองทุนตลาดเงิน ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดว่ามีความเสี่ยงอยู่ในระดับต่ำมาก โดยมีความเสี่ยงใกล้เคียงกับเงินฝาก แต่มีโอกาสให้ผลตอบแทนดีกว่าเงินฝาก (ในปัจจุบัน ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารเงินไม่ต้องเสียภาษี ในขณะที่เงินฝากต้องเสียภาษี) ซึ่งปัจจุบัน การฝากเงินจะมีความเสี่ยงต่ำกว่าในแง่ของการที่มีรัฐบาลค้ำประกันเงินฝาก ในขณะที่กองทุนตลาดเงินมีความเสี่ยงต่ำในแง่ที่หากเป็นกองทุนตลาดเงินที่มีนโยบายการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ตลอดจนตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ก็เปรียบเสมือนว่ากองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเฉพาะในตราสารที่กล่าวมานี้ ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลในทางอ้อม เพราะตราสารภาครัฐ ก็จะได้รับการค้ำประกันโดยรัฐบาลอยู่แล้ว และเนื่องจากกองทุนรวมมีสถานะเป็นนิติบุคคลแยกจากบริษัทจัดการกองทุน ดังนั้น หากบริษัทจัดการกองทุนล้มละลาย กองทุนรวมของบริษัทนั้นไม่ได้ล้มละลายไปด้วย นอกจากนี้ กองทุนบางกองยังได้เข้ารับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนด้วยว่า กองทุนมีความมั่นคงดีเพียงใด

สำหรับท่านนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นได้บ้าง ท่านอาจลงทุนในกองทุนตลาดเงินที่ไม่ได้จำกัดนโยบายการลงทุนเฉพาะตราสารหนี้ภาครัฐ แต่อาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชนอยู่บ้าง ซึ่งท่านนักลงทุนก็จะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตลาดเงินที่ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐเพียงอย่างเดียว เพราะเนื่องจากตราสารหนี้ของเอกชนมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้สูงกว่าตราสารหนี้ภาครัฐ ดังนั้นภาคเอกชนจึงต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงกว่า เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อตราสารของบริษัท

ในด้านความผันผวนของกองทุน เนื่องจากกองทุนตลาดเงินเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ดังนั้น ความผันผวนของกองทุนจึงต่ำไปด้วย อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนตลาดเงินก็มีโอกาสที่จะขาดทุนได้ในช่วงสั้นๆ ซึ่งมักจะเกิดจากการแกว่งตัวของราคาตราสารหนี้ หรืออาจขาดทุนจากการที่ผู้ออกตราสารผิดนัดชำระหนี้ (ในกรณีที่กองทุนลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชน)

ข้อเสียเปรียบของกองทุนตลาดเงินก็คือ นักลงทุนจะได้รับเงินหลังจากวันที่ทำการไถ่ถอนตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 1 หรือ 2 วันหลังจากทำการไถ่ถอน (t + 1 หรือ t + 2) ในขณะที่การถอนเงินฝากจะได้รับเงินทันที นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่กองทุนตราสารเงินจะมีผลตอบแทนติดลบ ซึ่งเกิดมาจากความเสี่ยงที่กล่าวมาแล้ว

สำหรับกองทุนตลาดเงินเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเงินออม หรือชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถลงทุนได้ในระยะสั้นและระยะปานกลาง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนมักจะใช้กองทุนตลาดเงินเป็นที่พักเงินลงทุน ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกลงทุนแบบไหนดี เพราะกองทุนตลาดเงินมีสภาพคล่องสูง และมีความเสี่ยงต่ำ

ปัจจุบันมีบริษัทจัดการกองทุนรวมหลายกองทุนในไทย ที่มีกองทุนตลาดเงินไว้บริการท่านนักลงทุน นักลงทุนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบริษัทจัดการกองทุน หรือตัวแทนขาย และท่านนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน เพื่อที่จะเลือกกองทุนที่มีระดับความเสี่ยงเหมาะสมกับตัวท่านครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น