xs
xsm
sm
md
lg

AMATAเจอ3เด้งฉุดหุ้นร่วง หั่นเป้ายอดขายที่ดินนิคมฯปีนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

" วิกรม" ชี้ อมตะ เจอปัจจัยลบกระทบ3 เด้ง "ปัญหาวิกฤตการเงินสหรัฐ- ต่างชาติขายหุ้น-การเมือง" ฉุดหุ้นร่วงเหลือ 7 บาท จากเมื่อต้นปีเทรดอยู่ที่ 17 บาท แจงควักเงินซื้อหุ้นแล้วกว่า 170 ล้านบาท เผยขณะนี้ยังไม่มีแผนซื้อเพิ่ม พร้อมปรับลดเป้ายอดขายพื้นที่นิคมฯเหลือ 1.2-1.25 พันไร่ จากเดิม 1.7 พันไร่

นายวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)( AMATA) เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงแรงจากต้นปีอยู่ที่ 17 บาท มาอยู่ที่ระดับ 7 บาท เนื่องจาก บริษัทมีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศถือหุ้นของบริษัทเกินกว่า 50% และนักลงทุนต่างประเทศที่ถือผ่านตัวแทนอีกขั้น ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐฯนั้นทำให้นักลงทุนสถาบันต่างประเทศทำการขายออกมาต่อเนื่อง ซึ่งปกติการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศจะมีการซื้อขายที่รวดเร็ว

นอกจากนี้ ผลจากการที่บริษัททำธุรกิจทางด้านการเชิญชวนให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยนั้น ซึ่งถือว่าได้รับผลกระทบอีกด้านหนึ่ง อันเป็นผลจากปัญหาทางการเมืองในประเทศ ทำให้นักลงทุนชะลอการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงการที่ประเทศไทยยังไม่เปิดกว้างในการให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนเหมือนกับประเทศสิงคโปร์ และเวียดนาม

"หุ้นของบริษัทร่วงจากเจอผลกระทบ 3 เด้ง จากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงิน ต่างชาติขายหุ้น จากการที่หุ้นของบริษัทนักลงทุนต่างชาติถือเกินกว่า 50% และยังมีส่วนที่ถือผ่านนอมินีอีก ทำให้เมื่อต่างชาติมีปัญหาเขาก็จะขายออกมาเร็วและแรง และจากธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับการชวนต่างชาติมาลงทุนเมื่อเกิดปัญหาทางการเมืองในประเทศวุ่นวายนั้นทำให้เขาไม่กล้าเข้ามาลงทุน " นายวิกรม กล่าว

สำหรับที่ผ่านมานั้น โดยส่วนตัวได้เข้าไปซื้อหุ้นอมตะปีนี้แล้ว จำนวน 10 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 17 บาท โดยใช้เงินมูลค่ารวม 170 ล้านบาท ซึ่งการที่เข้าไปช่วงนั้น มองว่าเป็นโอกาสและส่วนตัวก็มีนโยบายถือยาวไม่ขายออกมา แต่ช่วงนี้ที่ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงมาแรงนั้น ก็ยังไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปซื้อเพิ่มเพราะที่ผ่านมาได้ใช้เงินซื้อหุ้นมาแล้วในมูลค่าที่สูง

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ AMATA เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายพื้นที่ในนิคมฯเหลือ 1,200-1,250 ไร่ จากเดิมที่ 1,700 ไร่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินในสหรัฐ ฯ ที่ขยายวงกว้าง จนส่งผลกระทบต่อการชะลอการลงทุนไปทั่วโลก และเพื่อให้สอดรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอยู่ช่วงนี้

ทั้งนี้ จากการเจรจากับนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายหลายรายนั้น นักลงทุนได้ชะลอการตัดสินใจการลงทุนออกไปก่อน เพราะผลกระทบจากภาวะวิกฤติการเงินของสหรัฐฯ ที่รุนแรงและขยายขอบเขตไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ จนไม่สามารถคาดการณ์ผลกระทบวิกฤติทางการเงินโลกในครั้งนี้ และปัญหาดังกล่าวในต่างประเทศที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนของผลกระทบที่จะลุกลามมายังประเทศไทย

ดังนั้น รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับนักลงทุนโดยเร็ว และจากการที่สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศยังคงมีปัญหา ส่งผลให้โอกาสในการดึงดูดการลงทุนในประเทศไทยลดน้อยลงไปอีก โดยบริษัทคงต้องมีการจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งผลกระทบทางตรงและทางอ้อม เพื่อนำไปสู่การปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับภาวะความปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมวางแผนธุรกิจล่วงหน้าในปี 2552 เพื่อรักษาระดับการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น