"บุญทักษ์"โชว์ฝีมือหลังเข้าบริหารงาน เผยสินเชื่อไตรมาส 3 เริ่มขยับเพิ่ม แต่อัตราเติบโตสุทธิโดยรวมยังลดลง เพราะยังมียอดชำระคืน ส่วนช่วงที่เหลือของปียังเติบโตไม่มาก ด้านเงินฝากก็กระเตื้องเพิ่มขึ้นแล้วหมื่นล้านจากแคมเปญที่อัดฉีดเต็มที่ พร้อมคาดกนง.คงดอกเบี้ยจนถึงสิ้นปี
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB)เปิดเผยการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า มีการเติบโตดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก แต่การเติบโตสุทธิยังถือว่าติดลบ เนื่องจากยังมีการชำระคืนสินเชื่อบ้าง แม้จะมีสินเชื่อใหม่เข้ามาก็ตาม ส่วนไตรมาสที่ 4 มองว่าสินเชื่อจะยังไม่เติบโตมากนัก และส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะของสินเชื่อหมุนเวียน
ทั้งนี้ มองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ทิศทางการเติบโตของสินเชื่อจะไม่สูงมาก แต่มองว่าการแข่งขันในด้านการระดมเงินฝากจะยังมีอยู่เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้า เพราะหากสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ธนาคารจะได้รับประโยชน์มากกว่าเงินฝาก เนื่องจากลูกค้าอาจเข้ามาใช้บริการอย่างอื่นของธนาคารเพิ่มเติม
สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร แม้ว่ากลุ่มไอเอ็นจีจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของธนาคารแล้ว ปัจจุบันรายได้ค่าธรรมเนียมยังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็เริ่มมีลูกค้าหันมาใช้บริการกับธนาคารมากขึ้น ซึ่งมองว่าภายในสิ้นปีนี้จะเริ่มมีความชัดเจนในด้านการให้บริการต่างๆ กับลูกค้าในการทำธุรกรรม โดยธนาคารจะมีการเพิ่มหน่วยงานในด้านการให้บริการกับลูกค้ามากขึ้น
ด้านสภาพคล่องของธนาคารนั้นขณะนี้เข้าสู่สภาพปกติแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาธนาคารเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่มีเงินฝากไหลออกไป เนื่องจากธนาคารได้มีการออกผลิตภัณฑ์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงในระดับที่น่าพอใจสำหรับผู้ฝากเงิน
อย่างไรก็ตาม การให้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงดังกล่าวไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระให้กับธนาคาร เนื่องจากธนาคารได้ใช้กลยุทธ์ในการลดต้นทุนการแจกของที่ระลึกสำหรับลูกค้าลง แล้วนำงบประมาณดังกล่าวมาตอบแทนลูกค้าในรูปของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การที่ธนาคารมีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงก็จะไม่ส่งผลกระทบให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของธนาคารลดลง
สำหรับสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น มองว่ายังมีอยู่มาก เนื่องจากสถาบันการเงินของไทยมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งผู้ประกอบการในประเทศไทยได้มีการปรับตัวที่ดีมาตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯมากนัก และเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีความพร้อมในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการจึงไม่น่ามีปัญหาภาวะเงินฝืด
ส่วนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 8 ตุลาคมที่จะถึงนี้นั้น คาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.75% เนื่องจากหากไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะสามารถช่วยกระตุ้นด้านการบริโภคได้ อีกทั้งปัจจัยในปัจจุบันทั้งภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯที่ชะลอตัว รวมถึงเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงก็เป็นปัจจัยหนุนให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ ทั้งนี้มองว่าจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะมีการปรับขึ้นแล้ว
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB)เปิดเผยการปล่อยสินเชื่อของธนาคารในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่า มีการเติบโตดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก แต่การเติบโตสุทธิยังถือว่าติดลบ เนื่องจากยังมีการชำระคืนสินเชื่อบ้าง แม้จะมีสินเชื่อใหม่เข้ามาก็ตาม ส่วนไตรมาสที่ 4 มองว่าสินเชื่อจะยังไม่เติบโตมากนัก และส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะของสินเชื่อหมุนเวียน
ทั้งนี้ มองว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ แม้ทิศทางการเติบโตของสินเชื่อจะไม่สูงมาก แต่มองว่าการแข่งขันในด้านการระดมเงินฝากจะยังมีอยู่เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้า เพราะหากสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ธนาคารจะได้รับประโยชน์มากกว่าเงินฝาก เนื่องจากลูกค้าอาจเข้ามาใช้บริการอย่างอื่นของธนาคารเพิ่มเติม
สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคาร แม้ว่ากลุ่มไอเอ็นจีจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นของธนาคารแล้ว ปัจจุบันรายได้ค่าธรรมเนียมยังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็เริ่มมีลูกค้าหันมาใช้บริการกับธนาคารมากขึ้น ซึ่งมองว่าภายในสิ้นปีนี้จะเริ่มมีความชัดเจนในด้านการให้บริการต่างๆ กับลูกค้าในการทำธุรกรรม โดยธนาคารจะมีการเพิ่มหน่วยงานในด้านการให้บริการกับลูกค้ามากขึ้น
ด้านสภาพคล่องของธนาคารนั้นขณะนี้เข้าสู่สภาพปกติแล้ว โดยตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาธนาคารเงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้ที่มีเงินฝากไหลออกไป เนื่องจากธนาคารได้มีการออกผลิตภัณฑ์ที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงในระดับที่น่าพอใจสำหรับผู้ฝากเงิน
อย่างไรก็ตาม การให้อัตราดอกเบี้ยในระดับสูงดังกล่าวไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระให้กับธนาคาร เนื่องจากธนาคารได้ใช้กลยุทธ์ในการลดต้นทุนการแจกของที่ระลึกสำหรับลูกค้าลง แล้วนำงบประมาณดังกล่าวมาตอบแทนลูกค้าในรูปของอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น การที่ธนาคารมีผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ให้อัตราดอกเบี้ยสูงก็จะไม่ส่งผลกระทบให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของธนาคารลดลง
สำหรับสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น มองว่ายังมีอยู่มาก เนื่องจากสถาบันการเงินของไทยมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง อีกทั้งผู้ประกอบการในประเทศไทยได้มีการปรับตัวที่ดีมาตั้งแต่ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯมากนัก และเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ไทยมีความพร้อมในการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการจึงไม่น่ามีปัญหาภาวะเงินฝืด
ส่วนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 8 ตุลาคมที่จะถึงนี้นั้น คาดว่าน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.75% เนื่องจากหากไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะสามารถช่วยกระตุ้นด้านการบริโภคได้ อีกทั้งปัจจัยในปัจจุบันทั้งภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯที่ชะลอตัว รวมถึงเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงก็เป็นปัจจัยหนุนให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ ทั้งนี้มองว่าจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะมีการปรับขึ้นแล้ว