โบรกฯ ประเมินภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ แกว่งตัวสลับการเทขายทำกำไร โดยทิศทางในช่วงบ่าย ยังคงเป็นลักษณะของการขายทำกำไรสลับ และยังมีโอกาสแกว่งทางลบในกรอบ 582-600 จุด แต่แนวโน้มยังขึ้นอยู่กับแผนฟื้นฟูฯ ของสหรัฐ ซึ่งพรุ่งนี้เช้าน่าจะรู้ผล พร้อมแนะจับตาสภาสูง คืนนี้ เชื่อลงมติไฟเขียว หลังเติมประเด็นลดภาษีเอาใจประชาชน
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 1 ต.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 596.46 จุด ลดลง 0.08 จุด เปลี่ยนแปลง -0.01% มูลค่าการซื้อขาย 4,913 ล้านบาท
นางวิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นการแกว่งตัวที่มีการขายทำกำไรสลับออกมา หลังจากที่เมื่อวานมีการรีบาวน์กลับขึ้นมาแล้ว ซึ่งทำให้ตลาดมีกรอบรีบาวน์ค่อนข้างจำกัด ติด 610 จุด หลังจากนั้นแกว่งตัวในอยู่ในกรอบ 593-600 จุด ทิศทางของตลาดยังเป็นลักษณะของการที่มีภาวะการขายทำกำไรสลับออกมาขณะที่นักลงทุนก็ติดตามแผนฟื้นฟูภาคสถาบันการเงินของสหรัฐด้วย คงจะต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดภูมิภาคหลายตลาดก็หยุดทำการ อย่างจีนเป็นวันชาติจีน ทำให้ภาวะของตลาดระยะนี้เป็นตลาดที่แกว่งตัวหลังจากที่เมื่อวานรีบาวน์กลับค่อนข้างแรงในช่วงท้ายตลาด
สำหรับช่วงบ่าย ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวทางลบได้อีก กรอบ 582-600 จุด แต่แนวโน้มก็ยังคงขึ้นอยู่กับทางด้านแผนฟื้นฟูสถาบันการเงินของสหรัฐมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์
"พรุ่งนี้เช้าเราคงรู้ ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯก็คงจะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขในแผนด้วย" นางวิริยา กล่าวสรุป
ส่วนภาวะตลาดหุ้นย่านเอเชีย นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อหุ้นบ้างแล้ว เพราะคาดว่า สภาคองเกรสจะนำแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ และขานรับข่าวที่ว่าประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เปิดทำเนียบขาวแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะเดินหน้าเจรจากับแกนนำในสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ เพื่อปรับปรุงกฎหมายที่จะแก้ไขวิกฤตทางการเงินของสหรัฐที่รุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และขอให้ชาวสหรัฐฯ และประชาชนทั่วโลกมั่นใจว่า การที่สภาคองเกรสไม่อนุมัติแผนฟื้นฟูเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ยังไม่ใช่การสิ้นสุดของกระบวนการนิติบัญญัติ
ทั้งนี้ คงต้องจับตาดูว่า วุฒิสภาสหรัฐจะผ่านแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ในการประชุมคืนนี้หรือไม่ โดยแผนการดังกล่าวครอบคลุมถึงการเพิ่มจำนวนเงินฝากที่รับประกันโดยบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) เป็นวงเงิน 250,000 ดอลลาร์ จากเดิม 100,000 ดอลลาร์
นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นโดยรวมวันนี้รอผลประชุมของสหรัฐเรื่องแผนกู้วิกฤติ 7 แสนล้านดอลล์สหรัฐฯ กับเรื่องร่างกฎหมายค้ำประกันเงินฝากจากเดิม 1 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ
ตลาดโดยรวมจึงอยู่ในสถานการณ์ที่รอมากกว่า ซึ่งก็ไม่ได้บอกว่ามติที่ประชุมกันจะต้องสรุปคืนนี้หรือเปล่า เพราะพรุ่งนี้จะต้องมีการอภิปรายกันเป็นประเด็นว่าเห็นด้วยหรือไม่ และไม่ได้บอกว่าจะต้องมีการโหวตกันทันทีหรือไม่ ตลาดจึงอยู่ในอาการเกิดคำถามและนิ่งรอ เพราะถ้าบอกว่าคืนนี้สรุปเลยทุกคนก็จะมีการคาดการณ์ว่าจะออกมาอย่างไร
"ช่วงนี้ได้แต่รอ แต่คิดว่าต่อให้อนุมัติแผนมาก็คงเป็นแค่ขึ้นสั้นๆเพราะประเด็นนี้ ตลาดคงจะ discount ข่าวไปเยอะพอสมควร ตอนนี้การให้การสนใจในข่าวนี้จะเริ่มลดลงเพราะเงื่อนไขเยอะ ตอนนี้คงกลัวกันว่าจะมีที่อื่นอีกหรือเปล่า"
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้ แกว่งตัวสลับกันทั้งในแดนบวกและแดนลบ ซึ่งในวันนี้ นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นกับภาวะการลงทุนในตลาดโลกที่ผันผวน เพราะแผนกอบกู้วิกฤตสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ความหวั่นวิตกต่อการล่มสลายของระบบการเงินโลกจึงยังคุกคามการลงทุน
แม้ว่าดัชนีฯ จะฟื้นตัวขึ้นยืนแดนบวกได้จากความคาดหวังว่าความพยายามของทางการสหรัฐฯ ในการปรับปรุงแก้ไขและผลักดันแผนกอบกู้วิกฤตเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้งของสภาคองเกรส จะทำให้สภาคองเกรสอนุมัตมาตรการในที่สุด แต่ปัญหาเศรษฐกิจที่ใหญ่หลวงและขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วทำให้นักลงทุนไม่กล้าเข้ามาลงทุนระยะยาว และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อดัชนีฯ ดีดตัวขึ้น การเคลื่อนไหวจึงจำกัดอยู่ในกรอบแคบ
สำหรับแนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ น่าจะแกว่งในอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังชะลอการลงทุนเพื่อเฝ้ารอผลการตัดสินใจของที่ประชุมสภาคองเกรสเกี่ยวกับแผนกู้วิกฤตสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้คาดว่าการลงทุนจะเป็นไปในลักษณะการเก็งกำไรระยะสั้น และหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นพื้นฐานหรือหุ้นมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลให้ดัชนีฯ ไม่อาจปรับขึ้นได้ เพราะหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็กไม่มีมูลค่าการซื้อขายมากพอที่จะผลักดันดัชนีฯ
อย่างไรก็ตามต้องจับตาการลงมติของสภาสูงสหรัฐฯ คืนนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะบรรลุข้อตกลงมาตรการฟื้นฟูวิกฤตการเงินแต่ในส่วนของรายละเอียดอาจเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสม ทั้งนี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ มีกำหนดการประชุมเพื่อลงมติแผนกู้วิกฤตการเงิน 700 พันล้านดอลลาร์ในคืนวันนี้ตามเวลาในกรุงวอชิงตันดีซี หลังจากเพิ่มเติมประเด็นการลดภาษีในแผนฉบับล่าสุด และติดตามการลงมติของสภาคองเกรสอีกครั้งในคืนวันพรุ่งนี้ โดยหากแผนดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจะเป็นตัวแปรเชิงบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้นกลุ่ม Defensive ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภาคการเงินของสหรัฐฯและแนวโน้มการถดถอยของเศรษฐกิจโลก เช่น สาธารณูปโภคพื้นฐาน TTW
โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นภาคบ่าย ดัชนีปรับขึ้นมาในแดนบวกได้เล็กน้อย และแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยเมื่อเวลา 16.02 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 597.74 จุด เพิ่มขึ้น 1.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7,432.89 ล้านบาท
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 16.42 น. ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 594.45จุด ลดลง 2.09 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.35% มูลค่าการซื้อขาย 9,454.41 ล้านบาท