xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นลุ้นแผนกู้วิกฤตการเงินสหรัฐฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหุ้นไทยเงียบเหงา ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ เหตุนักลงทุนชะลอซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ จะผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสหรือไม่ โดยมีแรงทิ้งหุ้นขนาดใหญ่ทั้งพลังงาน-แบงก์ ด้านโบรกเกอร์ สั่งจับตามาตรการแก้วิกฤตของสหรัฐฯ แม้จะส่งผลแค่ระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์และเข้ามาลุยเก็งกำไรบ้างแล้ว พร้อมแนะให้ติดตามแผลใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (1 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ทั้งแดนบวกและแดนลบ ท่ามกลางความเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนต่างชะลอการซื้อขายหุ้น เพื่อรอดูทิศทางและความชัดเจนมาตรการบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด โดยมีแรงเทขายจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ ขณะเดียวกันได้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง
จากปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปเหนือ 600 จุด ที่ระดับ 602.78 จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.73 จุด และต่ำสุดที่ 593.81 จุด ลดลง 6.24 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 594.45 จุด ลดลงจากวันก่อนหน้า 2.09 จุด หรือคิดเป็น 0.35% มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 9,540.96 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างประเทศยังคงมียอดขายสุทธิ 132.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 68.89 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 201.49 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 224 บาท ลดลงจากวันก่อน 4 บาท หรือ 1.75% มูลค่าการซื้อขายรวม 971.33 ล้านบาท บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ปิดที่ 126 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 0.79% มูลค่า 755.57 ล้านบาท และธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปิดที่ 15.40 บาท ลดลง 0.80 บาท หรือ 4.94% มูลค่า 635.77 ล้านบาท
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมสภาคองเกรส สหรัฐฯ ในการพิจารณาอนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ มูลค่ารวม 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่ายังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยนักลงทุนต้องติดตามผลการประชุมสภาเกรส สหรัฐฯ จะอนุมัติแผนบรรเทาวิกฤตสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือไม่ ทั้งนี้นักลงทุนควรชะลอการลงทุนไปก่อน โดยมีแนวรับที่ 590 จุด และแนวต้านที่ 610 จุด
นางสาวจิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือSYRUS กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน โดยปรับตัวเล็กน้อยในช่วงเปิดตลาดภาคเช้า แม้ช่วงบ่ายจะรีบาวน์ขึ้นมาเล็กน้อย จากความคาดหวังของนักลงทุนต่อนโยบายของสหรัฐฯ ในการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“วันนี้คาดว่าตลาดหุ้นจะยังปรับตัวในกรอบแคบๆ โดยมีปัจจัยหลักจากมาตรการของทางการสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางราคาน้ำมัน ดังนั้นนักลงทุนควรลงทุนในระยะสั้นๆ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนจะเป็นกลุ่มธนาคาร สื่อสาร และค้าปลีก แต่ต้องเป็นหุ้นที่มีฐานรายได้อยู่ภายในประเทศเป็นหลัก”
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟาร์อีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นค่อนข้างเงียบเหงาจากการที่ตลาดในเอเชียหลายแห่งหยุดทำการซื้อขาย ขณะที่นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลการประชุมสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ในการอนุมัติแผนเพื่อแก้ไขวิกฤติสถาบันการเงิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในวันนี้ด้วย โดยให้แนวรับที่ 587-593 จุด แนวต้านที่ 601-607 จุด แนะนักลงทุนควรชะลอการลงทุนออกไปก่อน
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวจากแรงเทขายทำกำไรสลับออกมา หลังจากดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบจำกัด ขณะที่นักลงทุนเองก็ติดตามแผนฟื้นฟูภาคสถาบันการเงินของสหรัฐฯ ด้วย คงจะต้องติดตามในวันพรุ่งนี้ต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ตลาดหุ้นภูมิภาคหลายตลาดก็หยุดทำการ อย่างจีนเป็นวันชาติจีน ทำให้ภาวะของตลาดระยะนี้เป็นตลาดที่แกว่งตัวหลังจากที่เมื่อวานรีบาวน์กลับค่อนข้างแรงในช่วงท้ายตลาด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหุ้นรอผลประชุมของสหรัฐฯ เรื่องแผนกู้วิกฤติ 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ กับเรื่องร่างกฎหมายค้ำประกันเงินฝากจากเดิม 1 แสนดอลลาร์สหรัฐ เป็น 2.5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่าจะสามารถสรุปได้เลยหรือไม่ หรืออาจจะต้องมีการอภิปรายกันในประเด็นต่างๆ ดังนั้นนักลงทุนจึงชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูความชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง
“นักลงทุนได้แต่รอว่าจะมีการอนุมัติแผนฟื้นฟูฯ สถาบันการเงินสหรัฐฯ หรือไม่ แต่หากอนุมัติก็คงจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นช่วงสั้นๆ เท่านั้น เพราะตลาดหุ้นได้รับทราบข่าวไปบ้างแล้ว ซึ่งจะต้องรอว่าปัญหาดังกล่าวจะยุติเมื่อใด หรือจะขยายวงกว้างกระทบต่อสถาบันการเงินอื่นๆ ต่อไปอีกหรือไม่ แต่หากปัญหายุติได้ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก”
กำลังโหลดความคิดเห็น