xs
xsm
sm
md
lg

คาดหุ้นไทยเดี้ยงยาว นลท.ขายลดความเสี่ยง-ต่างชาติชี้ชะตา 2 เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หุ้นภาคเช้าร่วงเกือบ 4 จุด ตามทิศทางตลาดในภูมิภาค กังวลศก.ชะลอตัว ไม่มั่นใจแผนกู้วิกฤตสหรัฐ นักลงทุนขายลดความเสี่ยง โบรกฯ แนะจับตาแรงขายต่างชาติภายใน 2 เดือนนี้ให้ดี หลังวิกฤตในสหรัฐฯ ยังพ่นพิษไม่เลิก สมาคมนักวิเคราะห์ฯ เล็งหั่นเป้าดัชนี

ภาวะตลาดหุ้นไทย วันนี้ (26 ก.ย.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 617.61 จุด ลดลง 3.53 จุด เปลี่ยนแปลง -0.57% มูลค่าการซื้อขาย 3,196.18 ล้านบาท นักวิเคราะห์เผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง แนวเดียวกับตลาดภูมิภาคที่ลงกันทั่วหน้า เหตุวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่จะอ่อนตัวลง หลังคลังปรับลดประมาณการ GDP ปี 51 เหลือ 5.1% จากเดิม 5.6% และความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับการแก้ไขภาคการเงินของสหรัฐฯ ดังนั้นจึงเกิดแรงขายขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง โดยมีกลุ่มพลังงาน-แบงก์นำดิ่ง

นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงกันทั่วหน้า ทั้งนี้เป็นผลจากวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่จะอ่อนตัวลง และความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวกับการแก้ไขภาคการเงินของสหรัฐฯ

ผมมองว่า ตลาดไม่ได้ขึ้นตามตลาดสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะบรรลุเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อตามแผนกู้วิกฤตการเงิน 7 แสนล้านเหรียญฯ โดยคาดว่าจะออกมาเป็นแบบแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ อย่างไรก็ดี ก็มีการมองกันว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤตการเงิน ทำให้อาจจะต้องมีการผลักดันกฎหมายภาคการเงินออกมาอีก ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯได้อ่อนแอ มาตรการที่จะออกมามองว่าอาจจะไม่สามารถจะยับยั้งการอ่อนตัวลงของเศรษฐกิจในสหรัฐฯได้ ส่งผลให้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ล่าสุดได้มีการปรับตัวลง

นอกจากนี้ คนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจไทยด้วย หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ปรับลดประมาณการตัวเลขจีดีพีของไทยในปีนี้(2551)ลงเหลือ 5.1% จากเดิม 5.6% ทำให้มองว่าตลาดหุ้นไทยเองก็คงอาจจะต้องปรับลดเป้าดัชนีฯ และผลประกอบการลง ดังนั้นจึงมีแรงขายเกิดขึ้นในเช้านี้เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น แม้ราคาน้ำมันดิบจะมีการขยับตัวขึ้นแต่ก็ยังคงมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่องจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน-แบงก์ และวอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมก็ยังซบเซาอยู่

**เล็งหั่นเป้าดัชนีฯ จับตาแรงขายต่างชาติ

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า คาดว่ายังมีแรงขายจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนนี้ เนื่องจากปัญหาวิกฤตภาคการเงินของสหรัฐฯ อีกทั้งยังได้รับแรงกดดันจากประเด็นการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่นิ่ง โดยคาดว่าจะมีแรงขายเฉลี่ยวันละประมาณ 700-800 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในเดือนธันวาคมนี้ ตลาดหุ้นไทยน่าจะมีลุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถิติที่ผ่านมาพบว่าหากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงแรงจะมีโอกาสรีบาวน์ได้ในช่วงสิ้นปี ประกอบกับบุคคลส่วนใหญ่เริ่มมีเงินออมจากโบนัส ซึ่งเห็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นหลังมีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน

"เชื่อว่าเดือน ธ.ค. ตลาดหุ้นน่าจะมีลุ้นรีบาวน์ขึ้น ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมาพบว่ามีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นหลังราคาหุ้นปรับตัวลดลง ทั้งนี้ในช่วงสิ้นปีคนส่วนใหญ่ก็จะมีโบนัส หลายคนก็หันมาซื้อ LTF หุ้น ซึ่งนักลงทุนมองเห็นโอกาส ประกอบกับเห็นว่ามูลค่าหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานก็อาจมีแรงฮึดเข้ามาลงทุน ซึ่งคิดว่าใน 2 เดือนนี้อาจมีปัญหานิดหน่อย ทั้งปัญหาการเงินสหรัฐ และการเมือง แต่เชื่อว่าในเดือน ธ.ค.นี้ จะเบาลง อย่างน้อยก็ชั่วขณะ"

นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัญหาวิกฤติการเงินสหรัฐจะส่งกระทบภาวะเศรษฐกิจของโลกต่อไปอีก 2-3 ปี แต่เชื่อว่าจะคลี่คลายลงได้ในที่สุด และคาดว่าหลายประเทศรวมประเทศไทยจะได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากจะเห็นได้จากการที่ทาง บริษัท โนมูระ เข้าไปซื้อกิจการของเลห์แมน บราเธอร์สในยุโรป แสดงถึงความสามารถของประเทศในแถบเอเขียที่ยังมีสภาพคล่องสูง และไม่ไดั้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินในสหรัฐ

อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทย ก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง เพราะตลาดหสรัฐเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญ ซึ่งไทยจะต้องปรับตัว โดยเร่งการเบิกจ่ายของภาครัฐ รวมถึงหันไปส่งออกที่ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เช่น จีน เป็นต้น

นายมาริษ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มไอเอ็นจีในไทย และทั่วโลก ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินมากนัก และยังมีผลประกอบการที่มีกำไรทั้งกลุ่ม ประมาณ 4-5 แสนล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ ดัชนีช่วงบ่ายยังคงแกว่งตัวกรอบแคๆ ในแดนลบ โดยเมื่อเวลา 15.19 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 616.70 จุด ลดลง 4.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4,600.14 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น