ทิศทางตลาดหุ้นไทย วันนี้ คาดดัชนียังดิ่งลงต่อเนื่องแรง โดยเมื่อคืนนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบกว่า 400 จุด ต่ำสุดรอบ 4 ปี หลุดระดับ 10,000 จุด สะท้อนความหวาดผวาต่อตลาดการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก ขณะที่ปัจจัยการเมืองเข้าสู่จุดแตกหัก "รัฐบาลหิวเลือด" สั่งใช้ความรุนแรงเข้าสลายการชุมนุม บ่งชี้ความอ่อนด้อยในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่เปราะบาง โบรกฯ เตือนระมัดระวังความเสี่ยงสูง หวั่นขาใหญ่สุมหัวสร้างดีมานด์เทียม ลากขึ้นไปเชือด
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันนี้ ( 7 ต.ค.) แนวโน้มดัชนีช่วงเช้าร่วงลงหนักต่อเนื่อง หลังจากวานนี้ ดัชนีปรับลดลงถึง 38.25 จุด หรือคิดเป็น -6.48% นักวิเคราะห์แนะหลีกเลี่ยงการลงทุน เพราะเชื่อว่า ตลาดหุ้นวันนี้ กำลังเผชิญความเสี่ยงสูง ทั้งปัจจัยจากภายในประเทศ และภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายนอกเป็นเรื่องของนักลงทุนที่วิตกกับภาวะการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่กำลังลุกลามบานปลายจนเอาไม่อยู่ และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างรุนแรง
ด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์ก (NYMEX) งวดส่งมอบเดือน พ.ย. เมื่อคืนนี้ ปรับตัวลดลง 6.07ดอลลาร์ หรือ 6.47% โดยปิดที่ระดับ 87.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ความปั่นป่วนวุ่นวายทางการเงินแผ่ขยายไปทั่วยุโรป และกระตุ้นให้เกิดความกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันอาจชะลอตัวลงทั่วโลก
ส่วนเรื่องในประเทศ เหตุการณ์ทางการเมือง เข้าสู่จุดแตกหัก โดยเช้าวันนี้ รัฐบาลได้สั่งใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพื่อให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งเหตุรุนแรงเช้านี้ ได้ปรากฎเป็นภาพเผยแพร่ไปทั่วโลก โดยไม่กริ่งเกรงการจับตาจ้องมองของสังคม สะท้อนชัดเจนว่า รัฐบาลนี้กำลังตีสองหน้า อ้างการเจรจาเพื่อความสมานฉันท์ แต่การกระทำป่าเถื่อนหิวเลือด บ่งชี้ความอ่อนด้อยในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ที่เปราะบาง ซึ่งคงต้องดูว่า รัฐบาลจะกล้าดันทุรังแถลงนโยบายท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดของประชาชนได้หรือไม่ หรืออาจประกาศเลื่อนออกไป เพราะเกรงนักวิชาการ และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ออกมาคัดค้าน เนื่อจากหมดความชอบธรรม
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส เชื่อว่าการลงทุนในวันนี้ นักลงทุนยังตื่นตระหนก ซึ่งประเด็นหลักก็ยังมาจากความกังวลเรื่องผลกระทบจากวิกฤตการเงินในสหรัฐ โดยนักลงทุนต่างชาติ ยังเทขายหุ้นไทยมากขึ้น เนื่องจากวิตกเรื่องผลกระทบจากวิกฤตภาคการเงินที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบในประเทศจากการเมืองภายในประเทศที่เริมมีน้ำหนักมากขึ้น
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการส่วนวิจัยเศรษฐกิจ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่าภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงในช่วงนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐ แต่ตลาดหุ้นไทยอาจจะได้รับผลกระทบในด้านปัจจัยการเมืองอีกด้าน ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้าดิ่งลงทันทีกว่า 15 จุด และพบว่ามีแรงซื้อกลุ่มบิ๊กแคปเข้ามาเพื่อพยุงภาวะตลาดฯ ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยเมื่อเวลา 10.19 น. ดัชนีอยู่ที่ระดับ 538.48 จุด ลดลง 13.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3,087.98 ล้านบาท