xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยเด้งแรงรับน้ำมันลด โบรกฯแนะขายกำไร-ลุ้นคดีการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 22 จุด ตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังราคาน้ำมันลดลง ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ บวกกับปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐฯ ไม่ได้ย่ำแย่หนัก โบรกเกอร์ เผย นักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไรผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มแบงก์พาณิชย์ แต่แนะขายทำกำไรระยะสั้น ขณะที่นักลงทุนระยะยาวต้องจับตามคดีทางการเมืองก่อนทยอยซื้อสะสม

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (21 ก.ค) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่เปิดซื้อขายในช่วงเช้าตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย หลังจากที่ราคาได้ปรับตัวลดลงติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน โดยมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อได้ในระดับหนึ่ง ส่งผลดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดของวันที่ 687.30 จุด เพิ่มขึ้น 22.78 จุด หรือเพิ่มขึ้น 3.43% และมีจุดต่ำสุดที่ระดับ 664.99 จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,538.97 ล้านบาท
ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมียอดขายสุทธิลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ มียอดขายสุทธิ 436.44 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 1,561.93 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,125.49 ล้านบาท

นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH กล่าวว่า วานนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน จากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ แต่นักลงทุนจะต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด เพราะคาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงในช่วงสั้นๆ เท่านั้น

ขณะเดียวกัน นักลงทุนคลายความกังวลปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐฯ จากการที่ทางธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เข้าไปช่วยฟื้นฟู บริษัท แฟนนี เม จำกัด และบริษัท เฟรดดี แมค จำกัด ที่ประสบปัญหา ประกอบกับนักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่ผลประกอบการประกาศออกมาดีกว่าไตรมาสเดียวกันปี 2550 แม้ว่าจะปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/51แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
“นักลงทุนต่างชาติน่าจะมีการขายหุ้นไทยออกมาน้อยลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา หลังจากตลาดหุ้นต่างประเทศมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น”

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย วันนี้ (22 ก.ค.) คาดว่า จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในระสั้น 2-3 วัน และจะมีการปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นภูมิภาค รวมถึงปัจจัยการเมืองที่จะมีผลกระทบต่อการลงทุน จากในช่วงสัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาคดีทางการเมือง 2-3 คดี โดยเฉพาะคดีหวยบนดินที่อาจจะต้องมีการปรับใหม่รัฐมนตรีใหม่อีกหลายตำแหน่ง

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในระยะนี้ นักลงทุนน่าจะมีการขายทำกำไรออกมาก่อน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 675-677 จุด และดัชนีมีโอกาสที่จะทดสอบแนวต้านที่ระดับ 693-695 จุด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรรอดูจังหวะเข้าซื้อคืนในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนระยะยาวจะต้องรอดูผลการพิจารณาคดีทางการเมืองก่อนค่อยๆ ทยอยซื้อสะสม

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคจากสถาบันการเงินของสหรัฐฯ โดยเฉพาะซิตี้กรุ๊ป ที่ประกาศผลประกอบการออกมาขาดทุนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนคลายกังวลในเรื่องปัญหาดังกล่าว และจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงติดต่อกัน 4 วัน ส่งผลให้คลายความกังวลในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ
ประกอบกับนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์จากผลประกอบการออกมาอยู่ในระดับที่ดี รวมถึงดัชนีได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 660 จุด แนวต้านที่ระดับ 700-705 จุด

นายพงศ์พันธุ์ อภิญญากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า วานนี้ มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย ผลักดันให้ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้จากการที่สถานการณ์การเมืองภายในประเทศยังไม่มีภาวะกดดันต่อการลงทุนมากนัก ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น และนักลงทุนกลับมาลงทุนจากช่วงก่อนหน้านี้มีแรงขายออกมาต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงประมาณ 200 จุด

“ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจะช่วยทำให้บริษัทจดทะเบียนมีการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น ประกอบกับมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์รับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2551 ที่ทยอยประกาศตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ซึ่งหลายธนาคารผลประกอบการค่อนข้างดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ จึงทำให้มีแรงซื้อจากนักลงทุน”

สำหรับแนวโน้มของดัชนีในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) มีโอกาสที่จะแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ที่ระดับ 650-680 จุด จากที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังคงมีความเสี่ยงทางการเมือง และคดีความต่างๆ ที่เกี่ยงข้องกับอดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึงกรณีพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทย และกัมพูชา ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ในขณะนี้ ซึ่งมีผลต่อจิตวิทยาการลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น