xs
xsm
sm
md
lg

ต่างชาติทิ้งแบงก์-อสังหาฯ กดดัชนีหุ้นไทยร่วง 12 จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สารพัดปัจจัยลบทั้งใน-นอกประเทศกระหน่ำตลาดหุ้นไทย ดัชนีวูบเกือบ 12 จุด ขณะที่ต่างชาติยังแห่ทิ้งหุ้นกลุ่มแบงก์-อสังหาริมทรัพย์ แม้โบรกเกอร์มองกลุ่มธนาคารพาณิชย์ยังมีแนวโน้มเติบโตดี บล.กิมเอ็ง คาดดัชนียังไม่หลุด 800 จุด หลังปรับตัวมากกว่า 10% แล้ว ด้านนักลงทุนเก็บหุ้นน้ำประปาไทยทำนิวไฮด์ที่หุ้นละ 4.86 บาท

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (9 มิ.ย.) ดัชนีปรับตัวลดลงตลอดทั้งวันตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังจากดัชนีดาวโจนส์ได้ปรับตัวลดลงไปเกือบ 400 จุด บวกกับราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กดดันอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดัชนีปิดที่ 805.58 จุด ลดลง11.75 จุด หรือ 1.44% โดยระหว่างวันปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 811.05 จุด ต่ำสุดที่ระดับ 805 จุด มูลค่าการซื้อขาย 13,461.44 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,394.60 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 202.38 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,596.98 ล้านบาท

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลงเป็นไปตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิต อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้อาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ภาครัฐวางไว้ จึงทำให้นักลงทุนมีความกังวลมีการขายหุ้นออกมา

จากปัจจัยดังกล่าวกดดันหุ้นที่มีการพึ่งพาการเติบโตจากเศรษฐกิจ และการบริโภคภายในประเทศ ทำให้นักลงทุนมีการขายหุ้นกลุ่มดังกล่าวออกมาจำนวนมาก เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปรับตัวดลลง 3.28% และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ลดลง 2.44%

ส่วนกรณีที่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นนั้นได้ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน ทำให้ปรับตัวลดลงไม่มากและช่วยพยุงดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดแรงกว่านี้ แต่ด้านมูลค่าการซื้อขายหุ้นปรับตัวลดลงมาก เมื่อเทียบกับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้ตลาดเป็นของผู้ถือหุ้น แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามากระตุ้นการลงทุน ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอจังหวะในการเข้ามาลงทุน

"จากการที่ต้นทุนทั่วไป และต้นทุนทางการเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงนั้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทำให้การเติบโตปีนี้ที่รัฐตั้งเป้าไว้ที่ 6% นั้นเป็นไปได้ยาก และกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ทำให้มาร์จิ้นปรับตัวลดลง ส่งผลให้ผลประกอบการไตรมาส2/51จะไม่ดีเหมือนไตรมาส 1/51" นายอดิศักดิ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 มิ.ย.) คาดว่าจะปรับตัวลดลง จากได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะกรณีอิหร่านกับอิสราเอลที่จะมีผลต่อราคาน้ำมัน ซึ่งหากราคาน้ำมันทรงตัวในระดับ 130 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยในช่วงสั้นๆ ดัชนีตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงสูงที่จะปรับตัวลดลงต่อโดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 1.3-1.7 หมื่นล้านบาท โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 790 จุด แนวต้านที่ระดับ 811-812 จุด

**ลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มแบงก์

นางสาวมยุรี โชติกาน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากการที่ดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 400 จุด จากความกังวลเรื่องการเติบโตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หลังจากที่ตัวเลขอัตราว่างงานปรับตัวเพิ่มขึ้น และจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบอัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นและยังกระทบการเติบโตภายรวมของเศรษฐกิจไทย แต่การที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นก็จะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทำให้ดัชนีปรับตัวไม่มาก

ทั้งนี้ บริษัทได้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ ซึ่งจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของประชาชนชะลอตัว โดยแนะนำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน รวมถึงกลุ่มส่งออกที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของเงินบาท

"เราคาดว่างบการเงินไตรมาส 2/51 ของกลุ่มแบงก์ในปีนี้จะดีที่สุด และจากการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาถือว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าไปลงทุน เพื่อเก็งกำไรงบไตรมาส 2/51 ส่วนเรื่องปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในขณะนี้เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในไตรมาส 3/51 โดยในด้านกลยุทธ์มองว่า 1-2 เดือนนี้ เหมาะกับการซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์ และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์"นางสาวมยุรี กล่าว

ส่วนประเด็นที่มูลค่าการซื้อขายปรับตัวลดลงนั้น คาดว่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการขายหุ้นออกมา จากสัปดาห์ที่แล้วมีการขายหุ้นออกมาติดต่อกันถึง 4 วัน ซึ่งโดยคาดว่าแรงขายของนักน่าจะชะลอไปสักระยะ และรอเรื่องความชัดเจนทางการเมืองก่อน

สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นวันนี้คาดว่าจะแกว่งในกรอบแคบๆ 800-820 จุด และมั่นใจว่าดัชนีตลาดหุ้นจะยังไม่ลดลงต่ำกว่า 800 จุด เพราะ ดัชนีปรับตัวลงมา 10% แล้วจากที่ 884 จุด ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงจึงไม่น่าจะปรับตัวลดลงต่ำกว่านั้น

***น้ำประปาทำสถิติสูงสุด

นางสาวมยุรี กล่าวว่า การที่ราคาหุ้นบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TTW ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.86 บาท ซึ่งถือว่าสูงสุดตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551 เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดี

**น้ำมันพุ่ง 10 เหรียญฯ

นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ลดลงเกือบ 400 จุด หลังอัตราการว่างงานเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี ส่วนการจ้างงานลดลง 49,000 คน ประกอบกับมีความกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงต้นทุนการผลิตซึ่งส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยลบการเมืองภายในประเทศ จากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกลุ่มต่อต้าน ที่ยังคงยืดเยื้อต่อไปจึงทำให้ดัชนีและมูลค่าการซื้อขายปรับตัวลดลง

สำหรับแนวโน้มดัชนีวันนี้คาดว่จะปรับตัวลดลงต่อ โดยปัจจัยทางน้ำมันยังคงกดดันตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นต่างประเทศ จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูงและอาจปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อหุ้น PTTEP BANPU PTTCH เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลง มองแนวรับที่ระดับ 790-788 จุด แนวต้านประเมินไว้ที่ 810 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น