ธ.ก.ส.รับกฎเหล็ก ธปท.กระทบสภาพคล่องแต่ยังไม่ถึงขั้นตึงตัวแม้โดนบีบให้รับจำนำข้าวนาปรัง 4 ล้านกว่าตัน ระบุยังมีเหลือถึง 1 แสนล้านและส่วนเกินอีก 2 หมื่นล้านย้ำยังสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมเปิดโครงการเงินออมเกษียณเปี่ยมสุขต้อนรับฤดูเงินบำเหน็จบำนาญ รับดอกเบี้ยรายเดือน 3.5 – 4.5% ปลอดภาษีตลอดระยะเวลาฝาก 4 ปี
นางพูนสุข มุสิกลัด ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีบัญชีของธนาคารเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ธนาคารได้ปฏิบัติตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ทั้งการตั้งสำรองตามมาตรฐานทางบัญชีระหว่างประเทศฉบับที่ 39(IAS39) และการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(Basel II) ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.บ้างแต่ยังมีส่วนเหลือสำหรับใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังของรัฐบาลได้
โดยรัฐบาลได้ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังจาก 2 ล้านตันเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านกว่าตัน ทำให้ ธ.ก.ส.ต้องใช้เงินสำหรับโครงการนี้มากพอสมควร ส่งผลให้สภาพคล่องของ ธ.ก.ส.ในปัจจุบันเหลืออยู่ที่ 1 แสนล้านบาท และมีสภาพคล่องส่วนเกินอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดให้สัดส่วนของสภาพคล่องเป็นเงินสด 6% และระดับประมาณการเตือนภัยที่ 8.5%
“แผนการระดมเงินฝากของธ.ก.ส.ปีนี้ตั้งไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาทโดยในปัจจุบันหรือสิ้นไตรมาส 2 สามารถระดมเงินฝากได้แล้ว 1 หมื่นกว่าล้านบาทและคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายในสิ้นปี ซึ่งยอมรับว่าสภาพคล่องส่วนเกินในปัจจุบันที่ 2 หมื่นกว่าล้านบาทถือว่าไม่มากนักแต่ก็ยังไม่ส่งผลให้สภาพคล่องตึงตัว” นางพูนสุขกล่าว
สำหรับวันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป ธ.ก.ส.มีโครงการระดมเงินฝากเพิ่มขึ้นภายใต้โครงการเงินออมเกษียณเปี่ยมสุขเนื่องจากในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่ข้าราชการและ พนักงานองค์กรของรัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกษียณอายุและเกษียณก่อนกำหนดในปี 2551 และบุคคลที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เพื่อให้นำเงินบำเหน็จบำนาญที่ได้รับมาฝากในโครงการนี้และมีรายได้เป็นดอกเบี้ยสำหรับไว้ใช้รายเดือน
โครงการดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลาในการฝากเงิน 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 โดยผู้ที่ฝากเงินต่ำกว่า 3 ล้านบาท รับดอกเบี้ย 2 ปีแรก ไม่ต่ำกว่า 3.50% ต่อปี ปีที่ 3 ไม่ต่ำกว่า 3.75% ต่อปี และปีที่ 4 ไม่น้อยกว่า 4.25% ต่อปี ตามภาวะการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยในตลาดและเงินฝากดังกล่าวได้รับการยกเว้นภาษีรวมทั้งมีการจ่ายดอกเบี้ยเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
ทั้งนี้ ผู้ฝากเงินเกิน 3 ล้านบาท รับดอกเบี้ย 2 ปีแรกไม่ต่ำกว่า 3.75% ปีที่ 3 ไม่น้อยกว่า 4.0% และปีที่ 4 ไม่น้อยกว่า 4.5% โดยผู้ฝากต้องเปิดบัญชีไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท และฝากครั้งต่อไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท กรณีถอนก่อนกำหนดคิดค่าธรรมเนียม 1% ของเงินต้นที่ถอนออก ถอนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500 บาท ธ.ก.ส.คาดว่าจะมีผู้เกษียณอายุและผู้สูงอายุทั่วไปเข้าร่วมฝากเงินในโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท
นางพูนสุข มุสิกลัด ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีบัญชีของธนาคารเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ธนาคารได้ปฏิบัติตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ทั้งการตั้งสำรองตามมาตรฐานทางบัญชีระหว่างประเทศฉบับที่ 39(IAS39) และการดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(Basel II) ได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.บ้างแต่ยังมีส่วนเหลือสำหรับใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังของรัฐบาลได้
โดยรัฐบาลได้ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังจาก 2 ล้านตันเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านกว่าตัน ทำให้ ธ.ก.ส.ต้องใช้เงินสำหรับโครงการนี้มากพอสมควร ส่งผลให้สภาพคล่องของ ธ.ก.ส.ในปัจจุบันเหลืออยู่ที่ 1 แสนล้านบาท และมีสภาพคล่องส่วนเกินอีกประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่ายังอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดให้สัดส่วนของสภาพคล่องเป็นเงินสด 6% และระดับประมาณการเตือนภัยที่ 8.5%
“แผนการระดมเงินฝากของธ.ก.ส.ปีนี้ตั้งไว้ที่ 2.4 หมื่นล้านบาทโดยในปัจจุบันหรือสิ้นไตรมาส 2 สามารถระดมเงินฝากได้แล้ว 1 หมื่นกว่าล้านบาทและคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายในสิ้นปี ซึ่งยอมรับว่าสภาพคล่องส่วนเกินในปัจจุบันที่ 2 หมื่นกว่าล้านบาทถือว่าไม่มากนักแต่ก็ยังไม่ส่งผลให้สภาพคล่องตึงตัว” นางพูนสุขกล่าว
สำหรับวันที่ 1 ตุลาคม นี้เป็นต้นไป ธ.ก.ส.มีโครงการระดมเงินฝากเพิ่มขึ้นภายใต้โครงการเงินออมเกษียณเปี่ยมสุขเนื่องจากในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่ข้าราชการและ พนักงานองค์กรของรัฐและหน่วยงานต่างๆ ที่เกษียณอายุและเกษียณก่อนกำหนดในปี 2551 และบุคคลที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เพื่อให้นำเงินบำเหน็จบำนาญที่ได้รับมาฝากในโครงการนี้และมีรายได้เป็นดอกเบี้ยสำหรับไว้ใช้รายเดือน
โครงการดังกล่าวมีกำหนดระยะเวลาในการฝากเงิน 4 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2555 โดยผู้ที่ฝากเงินต่ำกว่า 3 ล้านบาท รับดอกเบี้ย 2 ปีแรก ไม่ต่ำกว่า 3.50% ต่อปี ปีที่ 3 ไม่ต่ำกว่า 3.75% ต่อปี และปีที่ 4 ไม่น้อยกว่า 4.25% ต่อปี ตามภาวะการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยในตลาดและเงินฝากดังกล่าวได้รับการยกเว้นภาษีรวมทั้งมีการจ่ายดอกเบี้ยเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
ทั้งนี้ ผู้ฝากเงินเกิน 3 ล้านบาท รับดอกเบี้ย 2 ปีแรกไม่ต่ำกว่า 3.75% ปีที่ 3 ไม่น้อยกว่า 4.0% และปีที่ 4 ไม่น้อยกว่า 4.5% โดยผู้ฝากต้องเปิดบัญชีไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท และฝากครั้งต่อไปไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท กรณีถอนก่อนกำหนดคิดค่าธรรมเนียม 1% ของเงินต้นที่ถอนออก ถอนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 500 บาท ธ.ก.ส.คาดว่าจะมีผู้เกษียณอายุและผู้สูงอายุทั่วไปเข้าร่วมฝากเงินในโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท