AIT ยันปีนี้ผลงานไม่พลาดเป้า 3 พันล้านบาทตามที่ตั้งไว้ แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวการเมืองไทยไม่นิ่ง กระทบธุรกิจบ้าง เพราะรายได้หลักมาจากรัฐวิสาหกิจที่บริหารงบฯ เอง โดยไม่ต้องพึ่งงบราชการ "ศิริพงษ์" ฟุ้งปี52 คว้างานได้อีกเพียบ เพราะประสบการณ์เจ๋ง พันธมิตรแกร่ง ทีมงานคุณภาพและฐานเงินทุนปึ๊ก
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่าจากภาวะวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบถึงภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศ รวมถึงปัจจัยทางการเมืองของไทยช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อ AIT น้อยมาก เนื่องจากบริษัทฯ พึ่งพารายได้ภาคเอกชนเพียงไม่เกิน 20% ส่วนที่เหลือ 80% เป็นงานในภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนงานภาครัฐนั้น หากต้องพึ่งงบประมาณของทางราชการก็คงได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองที่ทำให้หน่วยงานราชการไม่สามารถผลักดัน โครงการต่างๆ ออกมาได้ตามแผน แต่งานของ AIT นั้นผูกกับภาคราชการเพียงไม่เกิน 20% ของ 80% ดังกล่าว ผลกระทบจึงได้รับไม่มาก
" งานส่วนใหญ่ของ AIT อยู่ในภาครัฐวิสาหกิจ ซึ่งสามารถบริหารงบประมาณของตนเองได้ จึงทำให้ AIT สามารถทำยอดขายในปีนี้ได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ สวนทางกับความรู้สึกของคนทั่วไปที่มองเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในทางที่ชะลอตัวลง " นายศิริพงษ์กล่าว
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการเติบโตในอนาคต AIT มีโอกาสโตอีกมาก โดยเฉพาะส่วนของภาคราชการและรัฐวิสาหกิจที่แต่ละหน่วยงานต้องพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัย และให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหากพิจารณาจากงบประมาณรายจ่ายปี 2552 จำนวนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท นับเป็นงบประมาณรายจ่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์ จึงน่าจะส่งผลดีต่อภาคเอกชนที่ให้บริการภาครัฐด้วย และด้วยศักยภาพในการแข่งขันของ AIT ก็น่าจะทำให้ AIT ได้รับงานเพิ่มขึ้นด้วย
"จุดแข็งหรือความได้เปรียบในการแข่งขันของเรา เกิดจากประสบการณ์ที่ AIT สั่งสมต่อเนื่องมากว่า 10 ปี จึงมีฐานลูกค้า มีผลงานอ้างอิงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ว่าจ้างในทุกภาคส่วนได้อย่างดี ประกอบกับทีมงาน ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ มีเทคนิคการจัดการที่ดี เมื่อรับงานมาแล้วสามารถบริหารจัดการเองได้อย่างครบถ้วน ไม่ต้องซับงานทั้งโครงการต่อเหมือนผู้ประมูลอื่น ๆ และการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ทำให้มีแหล่งเงินทุนที่แข็งแกร่ง สามารถรับงานโครงการใหญ่ๆ ได้ต่อเนื่อง รวมทั้งการมีพันธมิตรที่ดี " นายศิริพงษ์กล่าว
โดยเป้าหมายยอดขาย 3 พันล้านบาทปีนี้ ไม่น่าจะพลาดเป้า แต่สิ่งที่ต้องเร่งคือหางานในช่วงสุดท้ายของปีให้ได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มงานในมือ backlog สำหรับปีต่อไป และแผนการขยายธุรกิจ 3 ปีข้างหน้า คือสร้างมูลค่าเพิ่มในฐานลูกค้า โดยมองว่าลูกค้าคือหุ้นส่วน ซึ่งบริษัทฯ ต้องช่วยลูกค้าคิดและช่วยพัฒนาธุรกิจให้ลูกค้าแทนการขายสินค้าเพียงอย่าง
ล่าสุด งบการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ของ AIT (งบเดี่ยว) พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 41.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.97 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนพบว่ามีกำไรสุทธิ 148.88 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 57.50 ล้านบาท โดยไตรมาสดังกล่าว บริษัทมีรายได้รวมเป็นเงิน 625.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 279.26 ล้านบาท หรือ ประมาณร้อยละ 80.76 เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ปี 2550 ซึ่งมีรายได้ 345.76 ล้านบาท เนื่องมาจาก ปี 2551 มีโครงการแล้วเสร็จมากกว่าปี 2550 สูง ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่าจากภาวะวิกฤตการเงินสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบถึงภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศ รวมถึงปัจจัยทางการเมืองของไทยช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนไทยอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อ AIT น้อยมาก เนื่องจากบริษัทฯ พึ่งพารายได้ภาคเอกชนเพียงไม่เกิน 20% ส่วนที่เหลือ 80% เป็นงานในภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนงานภาครัฐนั้น หากต้องพึ่งงบประมาณของทางราชการก็คงได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองที่ทำให้หน่วยงานราชการไม่สามารถผลักดัน โครงการต่างๆ ออกมาได้ตามแผน แต่งานของ AIT นั้นผูกกับภาคราชการเพียงไม่เกิน 20% ของ 80% ดังกล่าว ผลกระทบจึงได้รับไม่มาก
" งานส่วนใหญ่ของ AIT อยู่ในภาครัฐวิสาหกิจ ซึ่งสามารถบริหารงบประมาณของตนเองได้ จึงทำให้ AIT สามารถทำยอดขายในปีนี้ได้สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ สวนทางกับความรู้สึกของคนทั่วไปที่มองเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในทางที่ชะลอตัวลง " นายศิริพงษ์กล่าว
นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการเติบโตในอนาคต AIT มีโอกาสโตอีกมาก โดยเฉพาะส่วนของภาคราชการและรัฐวิสาหกิจที่แต่ละหน่วยงานต้องพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัย และให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งหากพิจารณาจากงบประมาณรายจ่ายปี 2552 จำนวนประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท นับเป็นงบประมาณรายจ่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์ จึงน่าจะส่งผลดีต่อภาคเอกชนที่ให้บริการภาครัฐด้วย และด้วยศักยภาพในการแข่งขันของ AIT ก็น่าจะทำให้ AIT ได้รับงานเพิ่มขึ้นด้วย
"จุดแข็งหรือความได้เปรียบในการแข่งขันของเรา เกิดจากประสบการณ์ที่ AIT สั่งสมต่อเนื่องมากว่า 10 ปี จึงมีฐานลูกค้า มีผลงานอ้างอิงและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ว่าจ้างในทุกภาคส่วนได้อย่างดี ประกอบกับทีมงาน ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ มีเทคนิคการจัดการที่ดี เมื่อรับงานมาแล้วสามารถบริหารจัดการเองได้อย่างครบถ้วน ไม่ต้องซับงานทั้งโครงการต่อเหมือนผู้ประมูลอื่น ๆ และการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ทำให้มีแหล่งเงินทุนที่แข็งแกร่ง สามารถรับงานโครงการใหญ่ๆ ได้ต่อเนื่อง รวมทั้งการมีพันธมิตรที่ดี " นายศิริพงษ์กล่าว
โดยเป้าหมายยอดขาย 3 พันล้านบาทปีนี้ ไม่น่าจะพลาดเป้า แต่สิ่งที่ต้องเร่งคือหางานในช่วงสุดท้ายของปีให้ได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มงานในมือ backlog สำหรับปีต่อไป และแผนการขยายธุรกิจ 3 ปีข้างหน้า คือสร้างมูลค่าเพิ่มในฐานลูกค้า โดยมองว่าลูกค้าคือหุ้นส่วน ซึ่งบริษัทฯ ต้องช่วยลูกค้าคิดและช่วยพัฒนาธุรกิจให้ลูกค้าแทนการขายสินค้าเพียงอย่าง
ล่าสุด งบการเงินไตรมาส 2 ปีนี้ของ AIT (งบเดี่ยว) พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 41.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.97 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือนพบว่ามีกำไรสุทธิ 148.88 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 57.50 ล้านบาท โดยไตรมาสดังกล่าว บริษัทมีรายได้รวมเป็นเงิน 625.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 279.26 ล้านบาท หรือ ประมาณร้อยละ 80.76 เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ปี 2550 ซึ่งมีรายได้ 345.76 ล้านบาท เนื่องมาจาก ปี 2551 มีโครงการแล้วเสร็จมากกว่าปี 2550 สูง ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น